ปรับขึ้นต่อเล็กน้อย

ปรับขึ้นต่อเล็กน้อย

ซื้อหุ้น กลุ่ม โรงกลั่น ท่องเที่ยว รับเหมา

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้  :  ปรับขึ้นต่อเล็กน้อย

ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดจะปรับขึ้นต่อเล็กน้อย ตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ที่ปรับตัวขึ้น อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,924 ล้านบาท ในตลาดหุ้นไทยวานนี้ รวมทั้งอาจได้รับปัจจัยบวกจากการทำ Window dressing ในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 2/59

แนวรับ/แนวต้าน : 1420/1443                    สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

กลยุทธ์ : ซื้อหุ้น กลุ่ม โรงกลั่น ท่องเที่ยว รับเหมา

หุ้นแนะนำ

BANPU (15.3) : คาดผลการดำเนินงานในส่วนโรงไฟฟ้าหงสาจะดีขึ้นจาก utilization rate ในช่วง 2Q59 ที่คาดว่าจะใกล้เคียง 80% เทียบกับ utilization rate ที่ 66% ในช่วง 1Q59 นอกจากนี้ภาพรวมของ BANPU ได้ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้วจากราคาถ่านหินช่วงต้นปีที่ระดับ 49-50 เหรียญ/ตัน มาอยู่ที่ประมาณ 53-55 เหรียญ/ตันและยังมีปัจจัยบวกต่างๆไม่ว่าจะเป็นการนำบริษัทฯลูก IPO ในช่วงปลายปี 59 และการลงทุนในธุรกิจ shale gas และ solar farm

KCE (91) : เรามองว่าแนวโน้มค่าเงินยูโรอ่อนจะมีผลกระทบจำกัดต่อ KCE จากการศึกษาของเราพบว่า Correlation ระหว่างค่าเงินบาทต่อยูโรและอัตรากำไรขั้นต้นของ KCE ในช่วง 41 ไตรมาสย้อนหลังอยู่ที่ -0.29 ซึ่งสะท้อนว่าทิศทางค่าเงินยูโรไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่จะชีวัดทิศทางการดำเนินงานของผลประกอบการได้ เราจึงแนะนำซื้อสะสมเมื่ออ่อนตัว จากแนวโน้มอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้าในรถยนต์ที่สดใส

GCAP (3.50) : ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นโครงการสนับสนุนเงินทุนด้านการผลิต โครงการพักชำระหนี้เงินต้น และโครงการประกันภัยนาข้าว ทั้งนี้ GCAP มี market share สินเชื่อรถเกี่ยวข้าวสูงสุดในประเทศ อีกทั้งคาดผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงต้นปีจากการเข้าสู่ช่วง high season ซึ่งเป็นฤดูเกี่ยวข้าว การเปลี่ยนจาก el nino เป็น la nina ทำให้เอื้อต่อการทำเกษตรกรรม และธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ

CK (35.50) : คาดกำไร 2Q59 โดดเด่นอย่างมาก เนื่องจากอาจมีการรับรู้งานส่วนเพิ่มเติมในโครงการเขื่อนไซยะบุรีมูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท (ปกติรายได้ประมาณไตรมาสละ 9 พันล้านบาท) อีกทั้งคาดว่าจะมีงานประมูลของทางภาครัฐและเอกชนออกมาเรื่อยๆไม่ว่าจะป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสี ส้ม เหลือง ชมพู และสุวรรณภูมิเฟส 2 นอกจากนี้ CK ได้รับผลประโยชน์จากการเป็นผู้ถือใหญ่ในบริษัทฯ BEM CKP และ TTW ซึ่งอยู่ในอุตสาหกกรมที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มเติบโต


ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ “สมคิด”เดินหน้าเขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก งัดโมเดล “ผู่ตง” หนุนลงทุน ปลดล็อกเงื่อนไขทางการเงินในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ ประชุมนัดแรก 4 ก.ค.นี้ ขณะ ครม.ไฟเขียวแผนเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก สั่งทำรายละเอียดใน 3 เดือน ด้าน “ปรเมธี” คาดเอกชนลงทุนต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 1.9 ล้านล้านบาท มากกว่าอิสเทิร์นซีบอร์ด

+ ครม. เห็นชอบออมสินเดินเครื่องโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับเอสเอ็มอีวงเงิน 3 หมื่นพร้อมขยายเวลาปล่อยกู้โครงการ Policy Loan จนถึงสิ้นปี หลังยังมีวงเงินเหลืออีก 4.5 พันล้านบาท

+ “ฟิทช์ เรทติ้งส์” มอง “4 แบงก์ไทย” แข็งแกร่งเพียงพอรับมือเศรษฐกิจที่ชะลอตัวขณะผลดำเนินงานดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมเป็นปัจจัยสนับสนุนเครดิตเรทติ้ง ประเทศเพื่อนบ้านถือเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ

+ “สศค.” เผยผลการดำเนินงานแบงก์รัฐเดือน เม.ย.พบมีกำไร 1.2 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 85% จากสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น แต่ปัญหาภัยแล้ง และเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้หนี้เสียเพิ่มขึ้น 1.4 หมื่นล้าน “ออมสิน-เอสเอ็มอีแบงก์” มั่นใจสิ้นปีลดลงตามเป้า

+ “เวิลด์แบงก์” แนะไทยเร่งปฏิรูปทักษะแรงงาน การศึกษา สร้างโอกาส การเข้าสู่สังคมสูงวัย หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขณะแมนพาวเวอร์ กรุ๊ป เผยเทรนด์ตลาดแรงงาน “ผู้สูงอายุ-ผู้หญิง” เป็นที่ต้องการขององค์กร เหตุผู้สูงอายุสามารถถ่ายทอดประสบการณ์สู่องค์กร ขณะกลุ่มผู้หญิงมีความรู้สูงขึ้น ส่วนอาชีพพนักงานขาย วิศวกร ช่างเทคนิคอาชีพที่ตลาดแรงงานไทยต้องการ

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดีดตัวขึ้นในวันอังคาร โดยฟื้นตัวขึ้นจากการร่วงลงในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นราคาถูกที่ร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของการที่อังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 269.48 จุดหรือ 1.57% สู่ 17,409.72 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 97.42 จุดหรือ 2.12% สู่ 4,691.87

+ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดขยับขึ้นท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ผันผวน โดยได้รับแรงหนุนจากการที่ปอนด์ชะลอการดิ่งลง อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นโตเกียวปรับตัวขึ้นได้ไม่มากนัก เพราะได้รับแรงกดดันจากความอ่อนแอของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ นักลงทุนยังคงกังวลกับผลกระทบที่เศรษฐกิจโลกอาจได้รับจากการที่อังกฤษโหวตเลือกที่ จะออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ Brexit โดยดัชนีนิกเกอิปิดตลาดขยับขึ้น 13.93 จุดหรือ 0.09% สู่ระดับ 15,323.14 หลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดของวัน ที่ 14,987.79

- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนได้เข้าซื้อคืนหลังตลาดร่วงลงอย่างหนัก 2 วันที่ผ่านมาจากความวิตกเกี่ยวกับการที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ข่าวที่ว่าคนงานน้ำมันในนอรเวย์เตรียมผละงานประท้วงเพื่อขอขึ้นค่าแรงนั้นได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันด้วย หลังจากดิ่งลง 8% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนส.ค.ปิดพุ่งขึ้น 1.52 ดอลลาร์หรือ 3.3% สู่ระดับ 47.85 ดอลลาร์/บาร์เรล