บิ๊กโปรเจค3แสนล้าน บูมห้าแยกลาดพร้าว

บิ๊กโปรเจค3แสนล้าน บูมห้าแยกลาดพร้าว

“ไนท์แฟรงค์” ระบุลาดพร้าว-พหลโยธิน ทำเลทองอนาคต “ฮับ” ธุรกิจแห่งใหม่ หลังการรถไฟฯ-เอกชน ผุดบิ๊กโปรเจค มูลค่าเกือบ 3 แสนล้าน

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ประเมินศักยภาพทำเลลาดพร้าว-พหลโยธิน โดยเฉพาะ 5 แยกลาดพร้าวว่า ในอนาคตมีโอกาสจะกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี) แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า อีกทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าทั้งบีทีเอส และเอ็มอาร์ที สถานีกลางบางซื่อ

นอกจากนี้ ตามแผนการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค) โดยรอบสถานีบางซื่อ ยังจะมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่เกิดขึ้น มูลค่ารวมกันกว่า 3 แสนล้านบาท ประกอบด้วย การพัฒนาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) บริเวณบางซื่อมาจนถนนกำแพงเพชร มีแผนพัฒนาเป็นอาคารสำนักงานพื้นที่ค้าปลีกและโรงแรมรวมพื้นที่ก่อสร้างประมาณกว่า 2 ล้านตร.ม. และการพัฒนาพื้นที่กม.11 พื้นที่ 300 ไร่ บริเวณโดยรอบของอาคารสำนักงานปตท.และเอ็นเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์

นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาบริเวณสถานีหมอชิต เนื้อที่ 60 ไร่ ของกรมธนารักษ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นจอดรถชั่วคราว ศูนย์ซ่อมบำรุงของบีทีเอส และการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส (ผสมผสาน) ขนาดใหญ่ของภาคเอกชน อาทิ ที่ดินของกลุ่มยูนิเวสเก่า เนื้อที่กว่า 40 ไร่ ที่กลุ่มแกรนด์ คาร์แนล ประมูลซื้อไป ส่งผลให้พื้นที่ทำเลบริเวณนี้กลายเป็น“ฮับ” (ศูนย์กลาง) คมนาคมและพื้นที่เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทั้งอาคาร สำนักงาน โรงแรม ศูนย์การประชุมขนาดใหญ่ ตลอดจนที่อยู่อาศัย

“หากโครงการเมกะโปรเจคพัฒนาแล้วเสร็จ จะทำให้ทำเลลาดพร้าว-พหลโยธิน กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมทั้งส่งผลให้ราคาที่ดินในย่านนี้ขยับสูงขึ้น จากปัจจุบันที่ดินติดริมถนนอยู่ที่ 5-6 แสนบาทต่อตร.ว.” นายพนม กล่าว

นายชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานกรรมการ บริษัท ซาแลน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กลุ่มทุนเซ็นต์จอห์น ผู้พัฒนาโครงการเดอะเซนต์ เรสิเดนเซส กล่าวว่า จากศักยภาพในทำเลห้าแยกลาดพร้าวที่มีแนวโน้มเป็นศูนย์กลางธุรกิจและคมนาคมในอนาคต ทำให้เตรียมผลักดันแผนการพัฒนาที่ดินขนาด 50 ไร่ของมหาวิทยาลัยเซ็นจอห์น มาพัฒนาเชิงพาณิชย์รูปแบบมิกซ์ยูส

ประกอบด้วย สำนักงานให้เช่าหรือศูนย์การค้าโรงแรมที่อยู่อาศัย ส่วนมหาวิทยาลัยจะย้ายไปอยู่บริเวณรอบนอกเมืองแทน เช่น ถนนบางนา-ตราด เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหาซื้อที่ดินก่อสร้างมหาวิทยาลัยแห่งใหม่

“โมเดลการพัฒนามหาวิทยาลัยในอนาคตจะต้องรวมอยู่กับโครงการที่อยู่อาศัย หรือ สำนักงานโรงแรมค้าปลีกเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ โดยโครงการสำนักงานโรงแรมค้าปลีกซึ่งบริษัทไม่มีชำนาญจะเป็นลักษณะร่วมลงทุน การพัฒนาแต่โครงการจะขึ้นภาวะตลาดและจังหวะเวลาที่เหมาะสม”

นายชัยณรงค์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการเดอะเซนต์เรสิเดนเซส บนพื้นที่รวม 7ไร่ บริเวณห้าแยกลาดพร้าวว่า จะก่อสร้างเป็นอาคารสูง41ชั้น จำนวน 3 อาคาร รวม1,500ยูนิต ได้แก่ อาคารแอนโทนี่,เบทเนดิคและชาลี มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้บริษัทเปิดขายในส่วนของอาคารชาลีไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้ว75%

ล่าสุด บริษัทได้เปิดขายในส่วนของอาคารที่สองเบทเนดิค จำนวน 400 ยูนิตขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 30 ตร.ม.ราคาขายเริ่มต้น 4.2-9ล้านบาท ปัจจุบันโครงการได้ผ่านการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอและได้รับอนุญาตการก่อสร้างแล้ว โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายปี2561