กสิกรฯ เผยดัชนีเศรษฐกิจครัวเรือน พ.ค.ทรงตัว

กสิกรฯ เผยดัชนีเศรษฐกิจครัวเรือน พ.ค.ทรงตัว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผย ดัชนีเศรษฐกิจครัวเรือนเดือน พ.ค. ทรงตัว หวั่นราคาพลังงานที่สูงขึ้นกระทบค่าครองชีพพุ่ง

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR-ECI) ในเดือน พ.ค.59 ยังคงทรงตัวที่ระดับ 42.7 แม้ว่าความกังวลในเรื่องภาวะภัยแล้งที่ส่งผลต่อรายได้และราคาอาหารจะลดลง รวมถึงมุมมองต่อการจ้างงานและรายได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แต่ความกังวลเรื่องราคาพลังงานที่สูงขึ้นและจะส่งผลต่อภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้นตามไปด้วยยังเป็นแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นของครัวเรือนให้อยู่ที่ต่ำกว่าระดับ 50 ในเดือนพ.ค.59

ในขณะที่ ดัชนีสะท้อนมุมมองคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ยังคงลดลงจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 44.1 เนื่องจากครัวเรือนให้น้ำหนักค่อนข้างมากต่อความกังวลต่อภาระค่าครองชีพที่คาดว่าจะสูงขึ้นตามราคาพลังงานรวมถึงค่าใช้จ่ายโดยรวมของครัวเรือนในระยะข้างหน้า

"ครัวเรือนมีความกังวลต่อระดับราคาพลังงาน สาธารณูปโภค และบริการพื้นฐานในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซ ไฟฟ้า ค่าโดยสาร เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในปัจจุบันและในระยะ 3 เดือนข้างหน้า แต่ก็ยังถูกชดเชยด้วยปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นของครัวเรือนต่อการจ้างงานและรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความกังวลในเรื่องภาวะภัยแล้งที่ลดลงส่วนหนึ่งช่วยบรรเทาความกังวลในเรื่องรายได้และราคาสินค้าที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า" เอกสารเผยแพร่ระบุ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ครัวเรือนมีความกังวลต่อภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เร่งตัวขึ้นในนับตั้งแต่ในเดือนมี.ค.59 ที่ผ่านมา เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันในราคาพลังงานในประเทศ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับตัวเร่งขึ้นตาม สะท้อนจากเงินเฟ้อกลับมาเป็นบวกในเดือนเม.ย. และ พ.ค.

ทั้งนี้ ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2559 คาดว่าจะทยอยปรับขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ 44 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สูงกว่าในช่วงครึ่งแรกที่ราว 37 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้ครัวเรือนมีความกังวลต่อระดับราคาพลังงานที่จะส่งผลกระทบผ่านต้นทุนราคาสินค้าอื่นๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางให้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ในขณะที่ ดัชนีมุมมองต่อภาวะการมีงานทำของครัวเรือนปรับตัวดีขึ้น จากการสำรวจมุมมองของครัวเรือนต่อภาวะการมีงานทำในช่วงเดือนพ.ค.59 พบว่า สัดส่วนครัวเรือนที่มองว่าภาวะการมีงานทำ "แย่ลงเล็กน้อย" เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ลดลง สอดคล้องไปกับสัดส่วนครัวเรือนที่มีมุมมองต่อภาวะการมีงานทำ "ดีขึ้นเล็กน้อย" เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ออกมาสูงกว่าที่คาด รวมถึงทิศทางการขยายตัวในช่วงครึ่งหลังของปีที่หลายหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนมีมุมมองที่สอดคล้องกันว่าจะเติบโตดีกว่าในช่วงครึ่งแรกของปีจากอานิสงส์จากการใช้จ่ายในโครงการลงทุนของภาครัฐเป็นสำคัญ ได้สร้างความเชื่อมั่นให้ครัวเรือนถึงภาวะการมีงานทำ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนให้มุมมองต่อการจ้างงานและรายได้ของครัวเรือนมีทิศทางดีขึ้นทั้งในเดือนพ.ค. และในช่วงระยะ 3 เดือนข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นมุมมองของครัวเรือนส่วนใหญ่ (กว่า 60%) ที่ลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะภัยแล้งที่จะส่งผลต่อรายได้และราคาอาหารลง ตลอดจนปัจจัยทางด้านฤดูกาลจากการเข้าสู่ตลาดแรงงานของผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ในช่วงเดือนพ.ค.นี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า ทิศทางของความเชื่อมั่นของครัวเรือนยังคงขึ้นอยู่กับทิศทางการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะต่อไปที่จะส่งผลให้รายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงยังคงมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตามไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งออก ประสิทธิผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการเบิกจ่ายเม็ดเงินโครงการลงทุนที่ล้วนมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี