STANLY - ซื้อ

STANLY - ซื้อ

ธุรกิจปรับตัวรับผลกระทบในกลุ่มอุตสาหกรรมได้ดี

ประเด็นการลงทุน

เราได้เข้าร่วมประชุมกับทาง STANLY วานนี้จัดโดย คุณ อภิชาติ ลี้อิสสระนุกูล CEO ซึ่งมีมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้ม อุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. 2559 ก่อนจะพลิกกลับมาดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและโมเดลรถยนต์รุ่นใหม่ในช่วงปีหน้า โดยบริษัทจะให้ความสนใจต่อผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นและ หนุนยอดขายให้เพิ่มขึ้นในปี 2560 เรายังใช้ประมาณการกำไรปี 2560 เดิมที่ 1.35 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4% YoY) ทั้งนี้จากกำไรไตรมาส 4/59 (ระหว่างเดือน ม.ค. – มี.ค. 2559) ที่สูงขึ้นดีกว่าคาดมาก ทำให้เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 208 บาท อิงค่า PE ที่ 12 เท่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 10.5x ประมาณ 0.5 SD

ยอดขายปี 2560 มีโอกาศเติบโต YoY จากยอดขายรถในกลุ่มรถอเนกประสงค์

ผู้บริหารชี้ยอดขายปี 2560 (ระหว่างเดือนเม.ย. 2559– มิ.ย. 2559) จะ คงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมาโดย มีปัจจัยจากยอดขายรถยนต์ภายในประเทศรวมถึงยอดส่งออกซึ่งยังคงเติบโตช้า โดยบริษัทฯ มีโอกาศเพิ่มการผลิตจากยอดสั่งซื้อใหม่ของผู้ผลิตรถยนต์โมเดลยอดนิยมเช่น โตโยต้า (Fortuner รุ่นใหม่) รถยนต์นิสสัน (รุ่น Navara) รถยนต์ฮอนด้า (New Accord and new CIVIC ) รถยนต์ มิตซูบิชิ (Pajero Sport รุ่นใหม่) ซึ่งยอดสั่งซื้อเหล่านี้จะหนุนให้ปริมาณยอดขายใกล้เคียงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า เรายังคงใช้ประมาณการยอดขายปี 2560 เดิมที่ 11 พันล้าน บาท เพิ่มขึ้น 3% YoY และประมาณการเติบโตของกำไรสุทธิ ที่ 1.35 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% ในปี 2560

อัตรากำไรขั้นต้นมีอัพไซต์ปี 2560 จากการเพิ่มประสิทธิผลการผลิต

โรงงาน STANLY คาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 80% ในปี 2560 คงที่จากปี 2559 ในขณะที่โรงงาน Lamp#7 แห่ง ใหม่มีอัตรากำลังการผลิตอยู่ที่ 70% เพิ่มขึ้นจาก 65% ในปี 2559 โดยยอดสั่งซื้อใหม่ที่กล่าวมาข้างต้นอาจช่วยหนุนอัตรากำลังการผลิตให้อยู่สูงกว่า 80% ใน ช่วงเดือน มิถุนายน 2559 – ธันวาคม 2559 หากสามารถดึงยอดสั่งซื้อคืนจากผู้รับงานข้างนอกมาผลิตเอง อย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการอัตรากำไรขั้นเท่ากับ 17% สำหรับปี 2560 จาก 16.3% ในปีก่อนหน้า โดยอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจาก 16.5% ในไตรมาส 3/59 มาเท่ากับ 18.8% ในไตรมาส 4/59 จากขนาดการผลิตที่ใหญ่ขึ้นและการผลิตที่มีประสิทธิภาพช่วยลดอัตราความสูญเสียในการผลิต (Defected rate) เหลือ 2.5% จาก 3.0% ในปี 2558 โดยการปรับปรุงคุณภาพด้านการผลิตดังกล่าวจะเป็นปัจจัยในการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในประมาณการของเรา

ตั้งงบลงทุนสำหรับปี 2560 ที่ 1 พันล้านบาท โดยใช้งบกระแสเงินสดภายในทั้งหมด

STANLY รักษางบลงทุนอยู่ที่ราว 1 พันล้านบาท ในปี 2560 เพิ่มขึ้นจาก 759 ล้านบาท ในปี 2559 เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่และปรับปรุงสายการผลิตปัจจุบันเพื่อรองรับอุปสงค์ที่เปลี่ยนไปของลูกค้ารายใหญ่อย่าง ฮอนด้า นิสสัน มิตซูบิชิ และโตโยต้า การลงทุนจะใช้กระแสเงินสดภายในบริษัททั้งหมด ทั้งนี้บริษัทมีเงินในมือมากกว่า 4 พันล้านบาท และปราศจากหนี้