Daily Market Outlook (31 พ.ค.59)

Daily Market Outlook (31 พ.ค.59)

เคลื่อนไหวในกรอบ

คาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ไม่มีการชี้นำจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดทำการเมื่อวาน นักลงทุนเตรียมใจรับการปรับดอกเบี้ยขึ้นของ Fed ที่อาจเกิดขึ้นเร็วสุดเลยในเดือนมิ.ย. ซึ่งอาจทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากตลาดเกิดใหม่อีกครั้งคล้ายกับที่เกิดขึ้นเมื่อ Fed ขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดในเดือนธ.ค. ตัวเลขจาก HSBC แสดงให้เห็นว่า เงินทุนขนาดใหญ่ไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียไปแล้วในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ตาม การที่หุ้นยุโรปปิดบวกและตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นผิดคาดในเดือนเม.ย. อาจช่วยหนุนตลาดได้บ้าง ปัจจัยภายในประเทศวันนี้เป็นลบไม่ว่าจะเป็นอัตราการว่างงานที่ขยับขึ้นในภาคเกษตรอันเป็นผลจากภัยแล้ง และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยลง


หุ้นเด่นวันนี้: SCN (Bt7.65; NR; 16TP Bloomberg Bt7.88)

เราเลือก SCN เป็นหุ้น Turnaround ทั้งทางปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค ความเสี่ยงของการลงทุนน้อยกว่าปีที่แล้วมาก และเห็นภาพธุรกิจสดใสและชัดเจนมากขึ้นหลังจากมีการประกาศลอยตัวราคา NGV ในประเทศ อีกทั้งราคาหุ้นปรับตัวลงมาสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว SCN เป็นผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติครบวงจร บริษัทเป็นผู้ถือสิทธิบัตร iCNGระบบลดความดันก๊าซธรรมชาติ (Pressure Reducing System) ที่สามารถนำไปติดตั้งให้กับโรงงานอุตสาหกรรม เป็นเวลา 15 ปี ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ในตลาด NGV และก๊าซธรรมชาติเพื่ออุตสาหกรรม SCN ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 ออกมาสดใส ที่ 82 ล้านบาท หรือ 0.07 บาท ท่ามกลางราคาพลังงานที่ผันผวน ซึ่งคาดว่าหลังไตรมาส 1/59 ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะมีทิศทางที่ดีและปรับตัวขึ้น ทำให้แนวโน้มธุรกิจ NGV และ iCNGจะกลับมาเติบโตดี บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2559 เติบโต 40%YoY จาก 2.1 พันล้านบาท โดยเติบโตจากทั้งปริมาณการจำหน่ายก๊าซอุตสาหกรรมอีกเท่าตัวจาก 4 พันล้านบีทียูต่อวัน เป็น 8 พันล้านบีทียูต่อวัน และมีปริมาณงานรับเหมาด้านวิศวกรรมครบวงจร หรือ Engineering, procurement, and construction management (EPC) มากขึ้น จากงานรับเหมาก่อสร้างสถานีปรับปรุงคุณภาพก๊าซของ PTT จำนวน 11 แห่ง มูลค่ารวม 200 ล้านบาท ทำให้ Backlog เพิ่มจาก 500 ล้านบาท เป็น 700 ล้านบาท เตรียมแผนซื้อกิจการ (M&A)ปั๊ม NGV เพิ่มอีก 3 แห่ง จากเดิม 7 แห่ง เป็น 10 แห่ง บริษัทมีกำไรสุทธิปี 2558 เท่ากับ 228 ล้านบาท หรือ 0.19 บาท Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 และ 2560 ไว้เท่ากับ 0.36 บาท และ 0.43 บาท หรือเติบโต 89% และ 20% ตามลำดับ และให้ราคาเป้าหมาย 7.88 บาท ขณะที่ Price Pattern ของ SCN กลับมามีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างชัดเจน จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ SCN คาดว่าระยะสั้นมีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 8.45 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 9.75 บาท ตามลำดับ โดย SCN มีจุด Stop Loss ระยะสั้นในรอบนี้อยู่ที่ 7.15 บาท(Resistance: 7.75, 7.85, 8.10; Support: 7.55, 7.45, 7.20)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ว่างงานไตรมาส 1 เพิ่มขึ้นตามรายงานของ สศช. อัตราการว่างงานไตรมาส 1/59 เพิ่มขึ้น 0.97% ของแรงงานทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 0.94% ในไตรมาส 1/15 และ 0.8% ในไตรมาส 4/58 โดยการจ้างงานภาคเกษตรลดลง 2.7% ซึ่งกระทบจากภัยแล้ง อย่างไรก็ดีนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.5% เพราะเศรษฐกิจเริ่มหักหัวขึ้น โดยเฉพาะภาคการผลิต ก่อสร้าง คมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยว (Bangkok Post)

• รัฐเร่งเบิกจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค) ปีนี้ ได้ประมาณการการจ่ายงบประมาณในสัดส่วน 13% หรือ 3 แสนลบ. จากงบทั้งหมด 2.28 ล้านล้านบาท เพื่อการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับต่างจังหวัด เพื่อเป็นโล่ป้องกันเศรษฐกิจจากการหดตัวของการส่งออกซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจจีนที่ชลอตัวและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจกลุ่มประเทศในตะวันตก การเบิกจ่ายในงวด 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 59 (ต.ค. 58 – เม.ษ. 59) เพิ่มขึ้น 8.5% YoYเป็น 1.7 ล้านล้านบาท (Bangkok Post)

• กบข. ลดสัดส่วนหุ้นไทย กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ได้ปรับลดการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจาก 10.2% ของมูลค่าพอร์ต ณ สิ้นปี 58 เหลือ 7-8% เนื่องจากตลาดหุ้นได้รีบาวน์ถึงกว่า 1,400 จุดแล้ว (Bangkok Post)

• กพช. อนุมัติแนวทางประมูลสัมปทานแหล่งปิโตรเลียม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อนุมัติแนวทางบริหารจัดการแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมที่จะหมดอายุในปี 2565-66 ได้แก่ แหล่งเอราวัณและแหล่งบงกช เป็นแนวทางการเปิดประมูลเป็นการทั่วไปก่อน ซึ่งผู้รับสัมปทานรายเดิมสามารถเข้าร่วมประมูลได้ และหากไม่มีผู้ประกอบการเข้าร่วมประมูล ก็จะใช้การเจรจาสัมปทานกับผู้รับสัมปทานเดิม โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี (Bangkok Post)

• ไทยได้รับการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ 28 ในปีนี้ ดีขึ้นจากลำดับที่ 30 ในปี 58 กล่าวโดยสถาบันระหว่า งประเทศเพื่อพัฒนาการจัดการ(ไอเอ็มดี) การพัฒนาขึ้นของลำดับได้รวมเรื่องนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะการใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การเติบโตของจีดีพีที่แท้จริงต่อหัว เสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน และการลดลงของความเสี่ยงความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง อย่างไรก็ตาม การส่งออก, การระดมทุนในตลาดทุนและการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวยังคงปรับลดลง (Bangkok Post)

• ADVANC (163.50 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 195 บาท) ตั้งเป้าจะชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มหรือกว่าครึ่งของตลาดบริการมือถือหลังบริษัทชนะประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ โดยซีอีโอกล่าวว่าส่วนแบ่งตลาด 12% มีมูลค่าราว 1 พัน ลบ. (The Nation)ความเห็น: ถึงตา ADVANC บ้างแล้วหลังจากได้ใบอนุญาตมาในมือและ TRUE (7.25 บาท) จะเจอความยากลำบากมากขึ้นในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดหรือแม้แต่รักษาส่วนแบ่งตลาดของตัวเองเอาไว้

ต่างประเทศ

• ปริมาณเงินไหลออกสุทธิจำนวน 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากตลาดหุ้นเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 1-24 พ.ค. ซึ่งเป็นการไหลออกของเงินทุนมากที่สุดนับแต่เดือนม.ค. จากข้อมูลของ HSBC ตลาดพันธบัตรของอินโดนีเซียและเกาหลีใต้ซึ่งเป็นผู้รับเงินทุนต่างชาติจำนวนมากจนถึงเดือนมี.ค. มองว่าตอนนี้เงินที่ไหลเข้าได้ไหลกลับแล้ว ส่วนสกุลเงินต่าง ๆ ในเอเชียร่วงลงอย่างหนัก หุ้นในตลาดเอเชียถูกกระหน่ำอย่างหนักจากความกังวลที่กลับมาอีกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งอย่างต่อเนื่องในตอนนี้ได้กดดันให้นักลงทุนขายพันธบัตรและสกุลเงินในเอเชีย (Reuters)

• ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเทียบกับเงินสกุลหลักอื่น และแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเทียบกับเงินเยนเมื่อวันจันทร์หลังจากนางเจเน็ต เยลเล็น ประธานเฟดกระตุ้นความคาดหวังว่าเฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก ๆ แล้ว ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% อยู่ที่ 95.695 จุด ส่วนเงินยูโรฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยดีกว่าอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีที่คาดการณ์ไว้ เงินยูโรได้แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนครึ่งที่ 1.1097 ดอลลาร์สหรัฐจากการซื้อขายในตลาดเอเชียก่อนกลับมาฟื้นตัวที่ระดับ 1.1140 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.2% ในวันจันทร์ (Reuters)

สหรัฐ:

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเมื่อวันจันทร์ เนื่องในวัน Memorial Day (Reuters)

• นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ได้กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าตลาดทั่วโลกดูเหมือนจะ “เตรียมพร้อม” สำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงฤดูร้อนนี้ จากเฟด ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ระบุวันที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ตาม เขามองว่าการขยายตัวเพิ่มขึ้นของจีดีพีสหรัฐน่าจะเป็นรูปธรรมได้ในไตรมาส 2/59 แต่ยังสงวนความเห็นว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. หรือ ก.ค. หรือไม่ในการประชุมนโยบายในครั้งหน้า (Reuters)


ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ยังสามารถแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อเยอรมนีที่ประกาศออกมาดีกว่าคาด ขณะที่นักลงทุนตอบรับต่อคำกล่าวของ Yellenที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งเพียงพอที่จะยืนหยัดและสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ (Reuters)

• เงินเฟ้อเยอรมนีขยายตัวเดือน พ.ค.ซึ่งขยายตัวในทุกๆ ภูมิภาคหลัก อาทิ Bavaria ที่ดัชนีราคาผู้บริโภคขยายตัว 0.3% และ North Rhine-Westphalia ที่ขยายตัว 0.2% และ Saxony ที่ขยายตัว 0.1% ขณะที่เงินเฟ้อในรัฐ Hesseและ Baden-Wuerttemberg ทรงตัว ส่วนรัฐ Brandenburg หดตัวลง 0.2% ทั้งนี้เงินเฟ้อรวมทั้งประเทศมีกำหนดจะประกาศในเวลา 1200 GMT หรือ 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย (Reuters)

เอเชีย:

• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือนเมษายนปรับตัวสูงขึ้นกว่าคาดเป็น 0.3 %ข้อมูลดังกล่าวเป็นของรัฐบาลที่ประกาศออกมาในวันอังคารบ่งชี้ว่าการผลิตเพิ่มขึ้นแม้การส่งออกจะยังอ่อนแอและถูกกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหวในภาคใต้ของประเทศญี่ปุ่นในช่วงเดือนเมษายน การเพิ่มขึ้นเป็นค่าที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 1.5 % จากการสำรวจผู้ผลิตโดยกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม คาดว่า การส่งออกจะเพิ่มขึ้น 2.2 % ในเดือนพฤษภาคมและ เพิ่มขึ้น 0.3 % ในเดือนมิถุนายน (Reuters)

• การใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ปรับค่าแล้วของญี่ปุ่นลดลง 0.4 % YoYในเดือนเมษายนรัฐบาลประกาศข้อมูลดังกล่าวออกมาในวันอังคาร ซึ่งดีกว่าเมื่อเทียบกับการคาดการณ์เฉลี่ยที่คาดว่าลดลง 1.4 % YoY (Reuters)

• อัตราการว่างงานของญี่ปุ่น(ปรับฤดูกาล) ทรงตัว ที่ 3.2% ในเดือนเมษายนตรงกับประมาณการเฉลี่ยจากการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่3.2% อัตราส่วน งาน- ผู้สมัครงาน เพิ่มขึ้นเป็น 1.34 ในเดือนเมษายน จาก 1.30 มีนาคม ดีกว่าที่ประมาณการไว้ว่าไม่เปลี่ยนแปลงที่ 1.30 (Reuters)

• อัตราการว่างงานที่ขึ้นทะเบียนไว้ในเขตเมืองของจีนอยู่ที่ 4.05 % ณ สิ้น ปี 2558จากการแถลงทางออนไลน์ของกระทรวงทรัพยากรบุคคลและ ประกันสังคมในวันจันทร์ ผู้นำของประเทศจีน Li Keqiangได้กล่าวว่าประเทศจะคงอัตราการว่างงานที่ขึ้นทะเบียนไว้ในเขตเมืองของจีนไว้ในระดับ4.5% ในปี 2559 (Reuters)

• JP Morgan กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า น่าจะมีเงินลงทุนไหลเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของจีน อย่างน้อย 155 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อมีการผ่อนปรนกฎเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของชาวต่างชาติ จนที่นำไปสู่การนำตราสารของจีนไปจัดทำดัชนีต่าง ๆ ในระดับโลกจีนได้ค่อยๆ ผ่อนคลายการเข้าถึงตลาดตราสารหนี้ในประเทศของชาวต่างชาติ ขณะที่ผู้กำกับและควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของรัฐฯ กล่าวว่าจะอนุญาตให้สถาบันต่างประเทศโอนเงินได้อย่างอิสระ(Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันในวันจันทร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นใกล้ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแม้ว่าจะไม่มีความแน่นอนก่อนการประชุมผู้ผลิตน้ำมันโอเปคในช่วงท้ายสัปดาห์ซึ่งน่าจะมีการทำกำไร น้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ ปิดที่ 49.76 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากที่เป็นลบในช่วงต้นของการซื้อขาย วันจันทร์ไม่มีราคาน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าเพราะเป็นวันหยุดวันทหารผ่านศึก แต่ ณ 18.39 GMT WTI เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ปิดที่ 49.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ราคาทองคำปรับลดลงต่ำกว่า 1,200 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกนับแต่กลาง ก.พ. ในวันจันทร์ เมื่อความเห็นจาก Janet Yellenประธาน Fed คาดว่ามีแนวโน้มที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าสุดในรอบสองเดือน ราคาทองคำตลาดจรลดลง 1.1% ไปที่ 1,199.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จุดต่ำสุดนับแต่ 17 ก.พ. และลดลง 0.3% อยู่ที่ 1,204.18 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ณ เวลา 12.32 GMT ทองร่วงต่อเนื่องไปแล้ว 9 วัน ยาวสุดนับแต่ มี.ค. 58 (Reuters)