โพลชี้ 'บิ๊กตู่' ทำปชช.สุขเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋า

โพลชี้ 'บิ๊กตู่' ทำปชช.สุขเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋า

"ซูเปอร์โพล" เผย ปชช.เกินครึ่งที่สนับสนุนรัฐบาล"บิ๊กตู่" มีความสุข เมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋า และสุขมากว่าเมื่อเทียบกับช่วงการเมืองขัดแย้ง

ดร.นพดล กรรณิกา ประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจเรื่อง สำรวจเงินในกระเป๋าของประชาชน ในยุครัฐบาลบิ๊กตู่ ใครสุขมากกว่ากันกรณีศึกษาตัวอย่างมนุษย์เงินเดือนใน 15จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา มุกดาหาร ขอนแก่น อุดรธานี ปทุมธานี ลพบุรี นครปฐม ชลบุรี นครศรีธรรมราช สงขลาและนราธิวาส จำนวนทั้งสิ้น 5,950 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการช่วงวันที่ 1-27พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมาพบว่า

เมื่อประชาชนนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเองในยุครัฐบาล บิ๊กตู่ เปรียบเทียบกับ เงินในกระเป๋าของตัวเองช่วงที่การเมืองขัดแย้งรุนแรงบานปลายในอดีต พบว่า ประชาชนส่วนมากหรือร้อยละ 47.3 มีความสุขมากเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเองวันนี้เปรียบเทียบกับช่วงการเมืองขัดแย้งกันในอดีต เพราะช่วงเวลานั้นการทำมาหากินหยุดชะงักในหลายพื้นที่ถูกลิดลอนสิทธิในการเดินทางโดยกลุ่มคนที่ขัดแย้งกันทางการเมือง ตัวเองและญาติพี่น้องที่ทำงานกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ทำมาหากินด้วยความยากลำบาก ในขณะที่ร้อยละ 31.1 สุขปานกลาง และร้อยละ 21.6 สุขน้อยเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเองวันนี้

เมื่อแบ่งออกตาม เพศ พบว่า ผู้หญิงมีความสุขมากมากกว่า ผู้ชาย โดยร้อยละ 47.8 ของหญิง และร้อยละ 40.8 ของชายมีความสุขมากเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเอง และเมื่อแบ่งตามวัยของคนตอบแบบสอบถาม พบว่า มนุษย์เงินเดือน กลุ่มเยาวชนมีความสุขมากมากกว่ากลุ่มวัยอื่น คือร้อยละ 52.5 ของกลุ่มเยาวชน ร้อยละ 46.2 ของกลุ่มวัยผู้ใหญ่ และร้อยละ41.5 ของกลุ่มผู้สูงวัย จึงสรุปได้ว่า น่าเป็นห่วงที่ คนไทยยิ่งอายุสูงขึ้นสู่คน สูงวัย ยิ่งมีความสุขน้อยลง เมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเอง

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อจำแนกออกตาม จุดยืนทางการเมือง พบว่า ประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลมีความสุขมากมากกว่า กลุ่มอื่นๆ โดยพบว่า เกินครึ่งของคนที่สนับสนุนรัฐบาลหรือร้อยละ 53.6 มีความสุขมาก เมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเอง ร้อยละ 47.1 ของคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล และร้อยละ 43.4 ของคนที่เป็นพลังเงียบ หรือ ไม่อยู่ฝ่ายใด มีความสุขมากเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเอง แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ กลุ่มพลังเงียบ หรือ กลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด มีความสุขน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับคนกลุ่มอื่น คือ ร้อยละ 24.3 ของกลุ่มพลังเงียบ ร้อยละ 22.3 ของกลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาล และร้อยละ 17.4 ของกลุ่มนที่สนับสนุนรัฐบาลมีความสุขน้อยเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเอง

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลสำรวจชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่า ผู้หญิง สุข มากกว่า ชาย เมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเอง เช่นเดียวกับ มนุษย์เงินเดือนในกลุ่มวัยเยาวชนที่กำลังเริ่มทำงานหาเงินได้ด้วยตนเองจึงมีความสุขมาก ส่วนคนสูงอายุกลับมีความสุขน้อยมากกว่าใครๆ อย่างไรก็ตาม แนวคิดแนวปฏิบัติที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นศรัทธาและความวางใจของสาธารณชนต่อรัฐบาล บิ๊กตู่ และ คสช. เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนจนถึงวันที่ลงจากอำนาจตามยุทธศาสตร์ Exit Strategyโดยทำให้สาธารณชนนิยมชอบในความทรงจำตลอดไปต่อ รัฐบาลและ คสช. คือจะต้องทำให้ประชาชนทุกกลุ่มทั้งที่สนับสนุนรัฐบาล ไม่สนับสนุนรัฐบาล และกลุ่มพลังเงียบมีความสุขมากเมื่อนึกถึง “เงิน” ในกระเป๋าของตัวเอง

“โดยวิธีที่ทำให้คนมีความสุขมากเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเองคือ ต้องมีนโยบายสาธารณะที่ชัดเจนว่า ประเทศไทยใช้งบประมาณจากการลงทุนและงบช่วยเหลือจากชาวต่างชาติมาว่าจ้างคนไทยให้มีงานทำ มีทักษะดี มีรายได้ดี มีสุขมั่นคง โดยสามารถขายสินค้าและบริการโดยคนไทยได้มากขึ้น คนไทยจำนวนมากไม่ได้ขี้เกียจ คนไทยจำนวนมากขยันทำงานแต่ก็ยังจนและมีทุกข์ เพราะคนไทยขาดนโยบายสาธารณะที่ดีและขาดสถาบันการเงินที่คอยช่วยเหลือทำให้ประชาชนมีสุขเมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเองโดยคอยเป็นที่ปรึกษาให้คู่มือชี้แนะประชาชนให้ใช้ชีวิต “ฟิต” กับเงินในกระเป๋าของตัวเอง แต่ทุกวันนี้จะพบว่า สถาบันการเงินส่วนใหญ่มีแต่จะหยิบยื่นความเป็น “นางทาส” เป็นลูกหนี้ให้กับประชาชนและต่างระดมขุดหลุมพลางดูดเงินจากกระเป๋าของประชาชนไปจนประชาชนมีความสุขน้อยลงทุกทีที่นึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเอง” ดร.นพดล กล่าว