'ชัมบาลาแชงกรีล่า' ห้วงเวลาแห่งสรวงสวรรค์

'ชัมบาลาแชงกรีล่า' ห้วงเวลาแห่งสรวงสวรรค์

เมื่อโลกยังหมุน การเดินทางบนเส้นทางฝันสู่ ‘สรวงสวรรค์’ ยังไม่มีจุดสิ้นสุด

หาก ‘ชัมบาลา’ ถูกนิยามว่าเป็นสรวงสวรรค์ นี่คือการเดินทางไกลและทรหดที่สุดครั้งหนึ่งเพื่อแลกมาด้วยการได้เข้าใกล้ชัมบาลา ซึ่งยากมากที่จะได้ไป แต่ที่ยากกว่าคือการรวบรวมความกล้าเพื่อออกไปเผชิญอุปสรรคระหว่างทางสู่โลกกว้าง

            การเลือกเดินทางแบบคาราวานรถยนต์แบบหมู่คณะ ถือว่าเป็นการเดินทางที่น่าสนใจและท้าทายมากทีเดียว เหตุที่เลือกการเดินทางแบบนี้ เพราะผู้จัดทริปเป็นเพื่อนที่เคยทำงานครีเอทีฟคลื่นวิทยุ และขับรถท่องเที่ยวออฟโรดด้วยกันมาก่อน เวลาคิดเส้นทางท่องเที่ยวต่างๆ จึง เชื่อได้ว่าทุกทริปที่เดินทางกับเพื่อนคนนี้น่าจะมีสีสันไม่ใช่น้อย

            ชัมบาลา (Shambhala) หรือ แชงกรีล่า (Shangri-La) ในภาษาทิเบต หมายถึง ดินแดนอันบริสุทธิ์ เป็นตำนานลึกลับของโลกแห่งพุทธศาสนา ต้นกำเนิดของการสอน Kalachakra ในหนังสือประวัติศาสตร์ทิเบตได้มีการบันทึกเรื่องราวของชัมบาลาไว้มากมาย แต่นักวิชาการทางพุทธศาสนาก็ยังตั้งข้อกังขาว่าแท้จริงแล้ว ชัมบาลานั้นมีอยู่จริงหรือเป็นเพียงแดนสวรรค์ในนิยาย ถือเป็นความลี้ลับที่ยังไม่มีบทสรุป

            สำหรับทริปนี้ ตั้งใจจะไปสัมผัสทุ่งหญ้า, แชงกรีล่า, ภูเขาหิมะ, เหมยลี่ หรือ อาวาคาโป และที่ใฝ่ฝันและอินมานานคือหวังจะได้ไปถึง ‘ซัมบาลา’ แต่ต้องบอกว่ากว่าจะไปถึงปลายทาง มีความประหลาดใจรออยู่เพียบ เช่น ได้เดินทางสู่หมู่บ้านหยุดเวลา หรือหมู่บ้านหวี่เปิง เรียกว่า unseen กันสุดๆ ทั้งเดินทาง ทั้งขี่ลา นั่งล่อ ต่อมอเตอร์ไซค์วิบาก บุกป่าฝ่าดง เดินเท้าเพื่อค้นหาเส้นทางที่เรียกได้ว่า “ถ้าไม่มีใจ...ก็ไปไม่ถึง

1

            ความทรหดในการเดินทางบวกกับความหนาว ถึงลบ 5 องศาเซลเซียส ความกดอากาศที่จะต้องเจอ ทำเอาหลายๆ คนที่ร่วมเดินทางแอบท้อไปตามๆ กัน แต่ท้ายสุดสวรรค์หวี่เปิง เหมยลี่ และยอดเขาหิมะมังกร แต่ละเส้นทางสวรรค์ของนักเดินทางคาราวานก็อยู่แค่เอื้อม เชื่อว่าใครที่ได้อยู่ตรงนั้น ต้องหลงใหลธรรมชาติ ไม่อยากกลับไปสัมผัสบรรยากาศอุณหภูมิความร้อนในประเทศไทยแน่ๆ

            เรื่องราวของคาราวานตามฝันสุดขอบฟ้า ตามหาแชงกรีล่าสุดขอบโลก นั้น ปอ-ณัฐวุทธ์ สังข์พิชัย แห่ง Caravan Thailand Travel (คาราวาน ไทยแลนด์ ทราเวล) เล่าให้ฟังว่า ครั้งแรกในการเริ่มต้น เดินทางด้วยเส้นทางคาราวาน เมื่อเดือนเมษา ปี 2012 โดยใช้เส้นทาง R3A เริ่มล้อหมุนที่ด่านเชียงของ จ.เชียงราย ในเวลานั้น ถ้าใครจะนำรถข้ามแดนไปที่ด่านห้วยทราย สปป.ลาว จะต้องนำรถข้ามบั๊ค หรือแพขนานยนต์ ข้ามน้ำของ หรือแม่น้ำโขง นับว่ากระตุ้นความตื่นเต้นในการเดินทางแบบคาราวานเป็นอย่างมาก มุ่งหน้าสู่หลวงน้ำทา - บ่อเต็น ข้ามด่านลาว – จีน – บ่อหาน – เมืองลา - เชียงรุ้ง (สิบสองปันนา) – ปูเออร์ (ซือ เหมา) – คุนหมิง – ต้าลี่ – ลี่เจียง – จงเตี้ยน (แชงกรีล่า) รวมระยะทางขับรถไป - กลับนอกประเทศประมาณ 3,500 กม. และในครั้งที่ 3 เมื่อเดือนเมษา ปี 2014 ได้เปลี่ยนมาใช้เส้นทางข้ามแม่น้ำโขง โดยสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 สะพานแห่งล่าสุดที่เชื่อมต่อไทย-ลาวเข้าด้วยกัน

            และทริปนี้ก็ได้เพิ่มเส้นทางจากแชงกรีล่าไปยังเมืองเต๋อชิง ดินแดนศักสิทธิ์ของชนกลุ่มน้อยทิเบต ที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมได้อย่างน่าทึ่ง รวมระยะทางขับรถไป-กลับนอกประเทศประมาณ 4,900 กม.

            ครั้งที่ 5 เดือนมีนาคม 2015 ได้เพิ่มอีก 1 เส้นทาง trekking ที่น่าประทับใจ คือ หมู่บ้านหุบเขาหิมะหวี่เปิง อีกหนึ่งเส้นทางในฝันของหลายๆ คน และยังคงเดินทางตามเส้นทางนี้จนถึงครั้งที่ 7 เมื่อเดือนเมษายน 2016 ที่ผ่านมา รวมระยะทางขับรถไป - กลับนอกประเทศประมาณ 5,000 กม.

            สำหรับทริปต่อไปในเดือนกรกฏาคมนี้ยังได้วางแผนเพิ่มเส้นทางขับรถท่องเที่ยวต่อไปยังสถานที่ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สถานีต่อไปของเราคือ กรุงลาซา แห่งทิเบต และ Everest basecamp จุดชมวิวยอดเขา Everest ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกและสวยที่สุดในโลกอีกจุดหนึ่งที่เป็นอีกหนึ่งเส้นทางท้าทายที่ไม่น่าพลาด

            เสน่ห์ที่ตัดสินใจเลือกเดินทางมากับทริปนี้ โดยตะลุยเดี่ยว เกาะรถเพื่อนร่วมเดินทางมาด้วย เนื่องจากเคยเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อนและขับรถในกลุ่มออฟโรดด้วยกันหลายปี หลังจากแยกย้ายไปทำภารกิจตามฝันของตัวเองในการทำรายการท่องเที่ยวด้วยจักรยาน หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อ Bike Finder (ไบค์ไฟน์เดอร์) ก็ห่างหายกับการท่องเที่ยวด้วยคาราวาน ออฟโรด ไปพักใหญ่ มุ่งมั่นกับการสร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวด้วยจักรยานเป็นหลัก จนได้กลับมาคุยกับปออีกครั้ง พร้อมกับพูดคุยกันถึงประสบการณ์การเดินทางพิชิตหวี่เปิง ในครั้งแรกที่เดินทางไปถึงที่หมู่บ้านหยุดเวลา ‘หวี่เปิง’ จากการเดินทางทั้งหมด 3 ครั้ง ได้เจอทั้ง 3 รส ทั้งมืดสนิท พายุหิมะ ฝนตกตลอด ขาดแค่อย่างเดียว คือ แสงแดด ทำให้ครั้งล่าสุดตั้งมั่นว่าจะไม่พลาดที่จะร่วมเดินทางไปกับเพื่อนพ้องน้องพี่ใน Caravarn Thailand Travel ที่เป็นกลุ่มคนไทยกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ได้มาเยี่ยมเยียนเส้นทางสวรรค์แห่งหมู่บ้านหวี่เปิงครั้งนี้ให้ได้

2

            ด้วยการวางแผนหยุดงานเพื่อเดินทางตามฝัน (ในหัวใจ) เป็นครั้งแรกยาวนานกว่า 17 วัน เป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ที่ยาวนานที่สุด เป็นประสบการณ์ความท้าทายครั้งแรกในชีวิต พร้อมกับการให้ความสุขที่จะได้เปิดโลกทัศน์การท่องเที่ยวในรูปแบบคาราวานที่ใฝ่ฝันมานาน แต่ไม่มีเวลาได้มาท่องเที่ยวในรูปแบบนี้สักที แต่พอได้สัมผัส ครั้งที่ 1 เชื่อว่าต้องมีครั้งต่อๆ ไปแน่นอน อย่างนี้น่าจะหลงเสน่ห์คาราวานเข้าเต็มเปา

            ระหว่างทางไปเต๋อชิง พวกเราได้เจอกลุ่มพี่ๆ นักปั่นจักรยานกลุ่มลุ่มน้ำโขง จากประเทศไทย ที่จุดพักชมวิวความสูง 4,292 เมตร ในฐานะตัวแทนของมิตรภาพนักปั่นจึงถือโอกาส มอบเสื้อจักรยานเป็นที่ระลึกระหว่างกัน ด้วยความเชื่อมั่นว่าในทุกเส้นทางการเดินทาง มิตรภาพความเป็น ‘คนไทย’ เจอกันที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางในรูปแบบขับรถคาราวาน ปั่นจักรยานท่องเที่ยว หรือขี่มอเตอร์ไซต์ทัวริ่ง ทุกเส้นทางการเดินทางของนักเดินทาง ต่างมีจุดมุ่งหมาย เดินทางตามเส้นทางฝันที่วางไว้ แล้วไปให้ถึง ความสุขที่สัมผัสได้คือการมีหัวใจเดินทางที่เหมือนกัน มีรอยยิ้มให้กัน แค่นี้ก็สุขแล้ว

            ปอบอกว่า “หัวใจของการเดินทางท่องเที่ยวแบบคาราวาน มันไม่ใช่ว่าคุณมีรถที่หรูกว่า หรือรถที่แพงกว่าใครๆ สิ่งสำคัญที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือน้ำใจ มิตรภาพ จิตใจที่สวยงามระหว่างการเดินทาง หลังจากจบทริปไปแล้ว คุณจะรับรู้ได้เองว่า คุณมีความเป็นคนแค่ไหน คะแนนมันจะออกมาเองจากเพื่อนร่วมทริปนั่นแหละ”

            ก่อนขบวนคาราวานจะเข้าสู่เมืองเต๋อชิง พวกเราอดใจไม่ไหวที่จะต้องจอดรถลงไปเก็บภาพบรรยากาศจุดชมวิวยอดเขาไป๋หม่า ไหนๆ ก็มาถึงจุดที่งดงามมากแบบนี้ต้องชื่นชมความสวยงามข้างทางและเก็บภาพทีมคาราวานเป็นที่ระลึก กดชัตเตอร์ไปก็นึกขึ้นในใจเสมอว่าทุกเส้นทางของการเดินทางมีความหมายสำหรับนักเดินทางเสมอ (นี่ถ้าขึ้นเครื่องมากับทัวร์เราคงไม่เห็นความสวยงามระหว่างทางได้ละเอียดลอออย่างนี้แน่นอน)

            ปอ ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม บอกเสมอว่า ทุกเส้นทางที่สร้างสรรค์ล้วนแล้วคัดสรรอย่างมีความหมายและใช้เวลาอย่างคุ้มค่า พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางให้อย่างประทับใจเสมอ... ซึ่งฉันก็ได้มาสัมผัสเอง บอกเลยว่า “ยิ่งประทับใจ”

            คาราวานรถออฟโรดแล่นผ่านเมืองแล้วเมืองเล่า สถานที่แล้วสถานที่เล่า ในที่สุดเราก็มาถึงเมืองจงเตี้ยน แชงกรีล่า ซึ่งสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาถึงที่นี่คือแวะวัดต้าฝ่อซื่อ หรือวัดกงล้อใหญ่ เมื่อพูดถึงวัดต้าฝ่อซื่อ นี่คืออีกไฮไลท์เพราะวัดนี้ถือว่าเป็นวัดที่มีกงล้อมนตราที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจงเตี้ยน แชงกรีล่า ยิ่งในช่วงที่อากาศหนาวเย็น จะมีดอกซากุระเบ่งบานสร้างสีสันให้แก่วัดต้าฝ่อซื่อได้อย่างมีเสน่ห์หาที่ติไม่ได้

            ครั้งนี้ เลยสบโอกาสได้หมุนกงล้อใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมอธิษฐานให้กัลยาณมิตร Caravan Thailand Travel เพื่อนๆ มิตรภาพ Bike Fidner และเพื่อนๆ นักเดินทางทุกๆ ท่านด้วย

3

            เช้าวันรุ่งขึ้นมุ่งหน้าเดินทางต่อไปหาเป้าหมายแม่นางเหมยลี่ ที่หลายคนฝันถึง

โดยการเดินทางของคาราวานแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีที่พักหรูหรา ไม่ต้องมีอาหารชั้นเลิศ แค่มีมิตรภาพและความประทับใจระหว่างการเดินทาง จนสู่จุดหมายปลายทาง ก็ประทับใจ ไม่มีวันลืมแล้ว ซึ่งฉันก็เชื่อเช่นนั้น

            เป็นอีกครั้งที่อดใจไว้ไม่ไหวที่จะเอ่ยว่าเส้นทางระหว่างการเดินทางสวยจนแทบอยากจะหยุดไม่ให้โลกหมุน เพื่อได้สัมผัสความงามได้ทุกที่โดยไม่มีเงื่อนไขของกาลเวลา แต่ความจริงก็คือความจริง...เราต้องเลือกสัมผัสความสวยงาม ด้วยกรอบเวลาและระยะทาง  บางครั้งเก็บไว้ในความทรงจำก็พอ

            ล้อรถยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้า นอกจากทิวทัศน์ริมทางที่นักเดินทางได้เจอ ยังมีสุดยอดความท้าทาย บนความประทับใจที่น้อยคนจะได้มาสัมผัสรออยู่

            มาถึงตอนนี้หลายคนในขบวนอยากจะถอดใจเมื่อเห็นเส้นทางสุดโหด แต่เมื่อนึกถึงเป้าหมาย ธารน้ำแข็งและต้นน้ำแม่น้ำโขง ณ หมู่บ้านหวี่เปิง ทุกคนพร้อมที่จะสู้เพื่อจุดมุ่งหมาย

            ในที่สุดความไม่ย่อท้อก็พาพวกเราให้กลายเป็นคนไทยกลุ่มใหญ่ที่สุดที่มาเยือนหมู่บ้านหวี่เปิงสำเร็จ

            หมู่บ้านหวี่เปิง หรือหมู่บ้านหยุดเวลา เป็นหมู่บ้านในขุนเขาหิมะแห่งเหม่ยลี่ ด้วยการเดินทางในทุกเส้นทาง ในทุกอรรถรสการเดินทาง ถือว่าเป็นความท้าทายที่น่าเผชิญ นี่ถือว่าเป็นความโชคดีที่ได้พบกับประสบการณ์การเดินทางสุดท้าทายทุกรูปแบบ ถึงแม้เหนื่อยแค่ไหน แต่เมื่อได้มาเจอปลายทางอย่างหมู่บ้านหยุดเวลา ฉันแทบอยากจะหยุดเวลาเพื่อเสพความสุข ความงามของทิวทัศน์ ซึมซับความสงบเงียบของที่นี่นานนับสัปดาห์ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดเราคงต้องเดินทางต่อไปยังเมืองอื่นๆ อีกหลายแห่ง ฉันถึงกับสัญญากับตัวเองว่าปีหน้าจะกลับมาสูดกลิ่นอายความสุขที่นี่อีกครั้งแน่นอน

            ทว่ายังไม่พอ เพราะนอกจากหมู่บ้านหยุดเวลาแล้วยังมีความประทับใจต่อเนื่องกับ ‘ยอดเขาหิมะมังกร’

            หลังจากได้ไปสัมผัสบรรยากาศ โชว์สุดยอดอลังการ โดยผู้กำกับชื่อดัง จางอี้โหม๋ว ที่มี ยอดเขาหิมะมังกรเป็นฉากหลังซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดไฮไลท์ในการสร้างโชว์ระดับโลกได้อย่างน่าประทับใจ หลังจากนั้นพวกเราไปสัมผัสธารน้ำที่ไหลลงมาจากธารน้ำแข็ง หรือ Glacier บนเขา Yu Long ที่ถูกเสริมเติมแต่งให้กลมกลืนกับภูมิประเทศ แต่สีน้ำเป็นสีธรรมชาติเดิมๆ

            กับการเดินทางร่วมสามพันกว่ากิโลเมตร เพื่อจุดมุ่งหมาย สัมผัสแม่นางเหมยลี่ ที่นักเดินทางทุกคนถวิลหา สิ่งที่ได้พบเห็นมันช่างคุ้มค่า คุ้มเหนื่อยจริงๆ พฉันเปิดย้อนดูภาพในวันนั้น ไม่มีภาพไหนที่จะกล้าลบทิ้งได้เลย

            ฉันจำได้ว่าเมฆและแสงอาทิตย์บนท้องฟ้าที่นั่นเปลี่ยนแปลงได้ทุกวินาที นี่มันสวรรค์ชัดๆ ฉันหลงรักภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง และมันเป็นแรงบันดาลใจให้ฉันเดินทางไปกับคาราวานบนเส้นทางแห่งฝัน...ชัมบาลา ไม่เสียแรงที่วางแผนมุ่งมั่นจะร่วมเดินทางมาในทริปนี้

            เชื่อว่าการเดินทางในรูปแบบคาราวาน เป็นเสน่ห์การเดินทางที่นักเดินทางที่ชื่นชอบการสัมผัสเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างทาง เก็บรายละเอียด ถือเป็นการละเมียดเที่ยวอย่างมีความหมาย มิตรภาพระหว่างทาง มิตรภาพนักเดินทางในการร่วมทางในครั้งนี้ ขอบคุณทุกประสบการณ์ดีๆ ตลอดเส้นทาง ขอบคุณทุกอรรถรสความท้าทาย

            ไม่บ่อยนักที่นักเดินทางจะพูดอย่างไตร่ตรองหาใช่อารมณ์ชั่ววูบไม่ ว่า “คราวหน้าฉันจะกลับมาที่นี่ใหม่” ไม่แน่ว่าเป้าหมายครั้งต่อไปการกลับมาร่วมในคาราวานบนเส้นทางนี้อาจมาพร้อมจักรยานคู่ใจที่จะไปพิชิตเส้นทางฝัน แบบคาราวาน – ปั่นจักรยาน ท่องเที่ยวพิสูจน์ใจ ท้าทายอุปสรรค รวมทั้งจะกลับไปค้นหาความสุขที่ฝากไว้ที่หมู่บ้านหวี่เปิง หรือหมู่บ้านหยุดเวลา

          หาก ‘ชัมบาลา’ ถูกนิยามว่าเป็นสรวงสวรรค์ ฉันยังไม่รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ไปใกล้ชัมบาลาที่จริงแท้แค่ไหน แต่สิ่งที่ฉันได้รับเมื่อแลกกับความเหนื่อยล้า ฉับตอบกับตัวเองได้ว่า “ฉันได้พบสวรรค์ที่ฉันค้นหาแล้ว”