'สรรพากร'ดึงเอสเอ็มอี เข้าระบบมาตรฐานบัญชีเดียว

แหล่งข่าวจากกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.นี้เป็นต้นไป กรมสรรพากรจะจัดสัมมนาในหัวข้อ”จัดทำบัญชีอย่างไร..ให้เป็นธรรมแก่ผู้เสียภาษี โดยกลุ่มธุรกิจเป้าหมาย จะเน้นไปที่เอสเอ็มอีเป็นหลัก เพื่อให้สามารถจัดทำบัญชีชุดเดียวอย่างถูกต้องและมีมาตรฐาน เบื้องต้น ได้เลือกกลุ่ม 6 Cluster ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ เพื่อนำร่องโครงการสัมมนา

แม้จะมีผู้ประกอบการที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถเข้าสู่โครงการบัญชีเดียว โดยไม่ถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง จะเข้ามาลงทะเบียนในโครงการนี้กว่า 4 แสนราย หรือเกือบทั้งหมดจากผู้มีสิทธิ์ลงทะเบียนก็ตาม แต่การทำความเข้าใจให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการในเรื่องของการจัดทำบัญชีเดียวอย่างถูกต้อง ยังต้องเดินหน้าทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง

"ยอมรับว่าผู้ประกอบการย่อมเกิดความหวั่นวิตก ที่จะเข้าโครงการบัญชีเดียวดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เนื่องจากบางรายอาจยื่นบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อเสียภาษีต่อกรมสรรพากรต่ำกว่าความเป็นจริงมาก เช่น กำไรสุทธิจริงอาจเป็น 100 ล้านบาท แต่ยื่นแค่ 10 ล้านบาท หรือต่ำกว่านั้น การกลับมาลงบัญชีอย่างถูกต้อง ย่อมสร้างความลำบากใจให้แก่ทั้งผู้ประกอบการ ที่เป็นการเปิดเผยความจริงที่ปกปิดมานาน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สรรพากรในพื้นที่ เมื่อเห็นความจริงของผู้ประกอบการ ก็อาจรู้สึกไม่ดี"

ดังนั้น กรมสรรพากร จึงต้องจัดอบรมเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ และเพื่อสร้างความมั่นใจว่า เมื่อลงบัญชีอย่างถูกต้องแล้ว ไม่ต้องกลัวถูกตรวจสอบย้อนหลัง โดยจะดำเนินการทำร่อง ในอุตสาหกรรม 6 คลัสเตอร์แรก ประกอบด้วย 1.อาหารและธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งหมด 2.แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด 3.การพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ และกลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งหมด 4.ผลิตภัณฑ์ สุขภาพและความงาม และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด 5.วิศวกรรมเครื่องจักรกลและงานโลหะ และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด และ 6.กลุ่มบริการและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด ซึ่งจะครอบคลุมทั้งผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง ค้าปลีก และผู้ให้บริการ โดยจะเริ่มอบรมในเดือนก.ค.นี้เป็นต้นไป และหลังจากนั้นจะทยอยให้ความรู้แก่คลัสเตอร์อื่นๆ ต่อไป โดยผู้สนใจสามารถติดต่อขอลงทะเบียนได้ที่กรมสรรพากร

เมื่อผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการบัญชีเล่มเดียว จะต้องยื่นแสดงรายรับและรายจ่ายในการชำระภาษีที่ตรงกับความเป็นจริง เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ตามที่กรมสรรพากรจูงใจ อาทิ ไม่ถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ได้การยกเว้นภาษีในปี 2559 และ ปี 2560 สำหรับรายที่มีกำไรไม่เกิน 3 แสนบาท ส่วนที่มีกำไรเกินกว่านั้น จะเสียภาษีในอัตรา 10% ในปี2560 เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิ์ในการพิจารณาสินเชื่อที่สะดวกขึ้น โดยการนำบัญชีที่ยื่นต่อกรมสรรพากรไปยื่นต่อสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดี ในทางกลับกัน หากว่า ผู้ประกอบการไม่เข้าระบบบัญชีเดียว จะไม่สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ โดยแนวทางดังกล่าวจะเริ่มใช้นับจากปี 2562 เป็นต้นไป