แถลงผลงาน1 ปี 'กองสลาก' คาดรายได้เพิ่ม 6 พันล้าน

แถลงผลงาน1 ปี 'กองสลาก' คาดรายได้เพิ่ม 6 พันล้าน

"บอร์ดสลาก" แถลงผลงาน 1 ปี แก้ไขปัญหาสลากแพงได้กว่า 80% คาดยอดนำส่งรายได้เกิน 2 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 6 พันล้าน

พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า การแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคาถือว่าประสบผลสำเร็จพอสมควร สามารถแก้ไขปัญหาปัญหาไปได้กว่า 80% แม้อาจะมีบ้างที่ยังมีขายเกินราคา แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย เช่นเดียวกับปัญหาการรวมชุดสลาก ที่ยังมีความพยายามรวมชุดอยู่ แต่ก็มีน้อยมาก ผลจากการออกรางวัลเลขหน้า 3 ตัว และการยกเลิกรางวัลแจ๊คพ็อต เพื่อกระจายรางวัลให้มากขึ้น 

"การแก้ไขปัญหาสลากแพง เดินมาสู่แผนระยะที่ 3 แล้ว หรือเดินมากว่า 80% แผนงานในส่วนที่เหลือคือารปรับแก้ไขพ.ร.บ.สลาก คงใช้เวลาอีกไม่นาน หรือเสร็จก่อนการเลือกตั้ง โดยประเมินว่าในช่วงที่ผ่านมา สามารถแก้ไขปัญหาได้กว่า 80% ถือว่าสุดยอดแล้ว เพราะหากทำได้ 100% แสดงว่าไม่มีการผ่อนปรน หรือประณีประนอมเลย"

สำหรับการแก้ไขปัญหาตามแนวทางระยะที่ 1 นั้น บอร์ดได้ประกาศกำหนดราคาสลาก 80 บาท ทั่วประเทศ ตั้งแต่งวด 16 มิ.ย. 2558 โดยตัวแทนจำหน่ายสลากได้รับส่วนลดในอัตราใหม่คือ 12-14% ทำให้ตัวแทนจำหน่ายมีรายได้จากการจำหน่ายสลากมากขึ้น พร้อมใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวด โดยกำหนดอัตราโทษผู้ขายเกินราคา จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท 

นอกจากนี้ มีการยกเลิกรางวัลแจ๊คพ็อต เพื่อเป็นการกระจายการถูกรางวัลที่ 1 ให้ทั่วถึง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการรวมชุด อันเป็นสาเหตุสำคัญของการจำหน่ายสลากเกินราคา และยังเพิ่มการออกรางวัลเลขหน้า 3 ตัวเป็นครั้งแรก ตั้งแต่งวดวันที่ 1 ก.ยง 2558 เพื่อลดปัญหาเลขท้ายที่ไม่นิยม พร้อมยกเลิกการจัดสรรสลากให้กับนิติบุคคลที่ไม่ใช่องค์กรการกุศลหรือเพื่อคนพิการ พร้อมกับการจัดสรรสลากอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม รายละ 5 เล่ม จากเดิม 1.5-125 เล่ม ซึ่งจะเป็นการตัดวงจรผู้ค้ารายใหญ่ และกระจายโอกาสให้กับผู้ค้ารายย่อย 

ส่วน​ระยะที่ 2 จะเป็นการสร้างโอกาสใหม่ให้กับผู้ค้ารายย่อย เพื่อการเข้าถึงสลากอย่างเป็นธรรม ด้วยระบบซื้อ-จองล่วงหน้า ผ่านธนาคารกรุงไทย พร้อมจัดส่งทางไปรษณีย์ ถึงมือผู้ขายโดยตรง ด้วยราคาต้นทุน 70.40 บาท โดยปัจจุบันมียอดลงทะเบียนผ่านระบบดังกล่าวกว่า 1 แสนราย นอกจากนั้น คณะกรรมการฯ ยังได้ปรับปริมาณสลากในตลาดให้เข้าสู่ สมดุล จาก 37 ล้านฉบับคู่ เป็น 60 ล้านฉบับคู่ ในเดือนม.ค. 2559 เพื่อสะท้อนปริมาณความต้องการสลากที่แท้จริงในตลาด 

​สำหรับระยะที่ 3 จะเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม ด้วยการพัฒนาระบบซื้อ-จองล่วงหน้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถตรวจสอบได้โดยประชาชนและภาคประชาสังคม ซึ่งจะเป็นการคัดกรองผู้ขายจริงให้อยู่ในระบบ และตัดสิทธิ์ผู้ขายที่ผิดสัญญา อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาอย่างเป็นระบบ พร้อมกระจายโอกาสในการเข้าถึงอย่างเป็นธรรม และการแก้ไขพ.ร.บ.สลาก
ด้าน ​พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า สำนักงานฯ ได้เสนอร่างแก้ไขพ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 ทั้ง ประเด็นสัดส่วนเงินรายได้จากการจำหน่ายสลาก โดยจัดสรร 60% เป็นเงินรางวัล จัดสรรไม่น้อยกว่า20% เป็นรายได้แผ่นดิน ไม่เกินกว่า17 %เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ส่วนการจัดสรรเป็นเงินกองทุนเพื่อพัฒนาสังคม 3%นั้น ต่อไปจะไม่มี โดยจะนำส่วนนี้ส่งเป็นรายได้เข้ารัฐ

นอกจากนี้ในกฏหมายการจัดให้มีใบอนุญาตขายสลากซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลประกาศกำหนด ซึ่งหากจำหน่ายโดยไม่มีใบอนุญาตจะถือเป็นความผิด เช่นปรับไม่เกิน1หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน3เดือน โดยจะเปิดให้มีการมาลงทะเบียนขอใบอนุญาตดังกล่าวส่วนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น กฎหมายที่แก้ไขจะเปิดช่องให้ทำได้ แต่ไม่ได้เขียนเจาะจงไว้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใด ให้เป็นอำนาจของบอร์ดในการพิจารณาโดยขณะนี้ ร่างกฎหมาย ดังกล่าว อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงการคลัง และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

"ปีนี้สำนักงานสลากคาดว่าจะสามารถนำส่งรายได้เข้ารัฐได้มากกว่า 2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่นำส่งรายได้เข้ารัฐ 1.4 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5-6พันล้านบาท ผลจากการจัดพิมพ์สลากเพิ่ม เพื่อรองรับความต้องการในตลาด จาก 37 ล้านฉบับคู่เป็น 60 ล้านฉบับคู่ ระดับนี้เป็นระดับที่เข้าสู่จุดสมดุลแล้ว”