พาณิชย์เล็งถกขยายการค้า 'ไทย-ออสเตรเลีย'

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินผลการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ฉบับแรก ที่ไทยทำกับต่างประเทศ และพบว่า หลังจากบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 48 จนถึงปัจจุบัน รวม 11 ปี ช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้น ทำให้ช่วงครึ่งปีหลังนี้ กระทรวงฯ จะจัดประชุมระดับรัฐมนตรี ร่วมกับออสเตรเลีย เพื่อส่งเสริมให้การค้า การลงทุนขยายตัวมากขึ้นกว่าเดิมอีก ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งประสานงานนัดหมายกับออสเตรเลียอยู่

“ก่อนที่ไทยจะทำเอฟทีเอกับออสเตรเลียนั้น มีมูลค่าการค้าระหว่างกันเฉลี่ย 3 ปี ตั้งแต่ปี 45-47 เพียง 3,842 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่หลังจากที่ทำเอฟทีเอแล้ว มูลค่าการค้าเฉลี่ย 3 ปี ตั้งแต่ปี 56-58 เพิ่มขึ้นเป็น 14,845 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว และไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้ามาโดยตลอด จนปัจจุบันนี้ ออสเตรเลียเป็นคู่ค้าลำดับที่ 7 ของไทย ปี 58 ที่ผ่านมา มีมูลค่าการค้า 13,978 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5% เป็นตลาดส่งออกสำคัญลำดับ 6 ด้วยมูลค่าการส่งออก9,768 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 13 ด้วยมูลค่าการนำเข้า 4,210ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่สำคัญไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 5,558 ล้านเหรียญสหรัฐฯ”

ทั้งนี้ ออสเตรเลียได้ลดภาษีสินค้าทุกรายการเป็น 0% หมดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 58 เป็นต้นมา นับเป็นโอกาสที่ผู้ส่งออกไทยจะส่งสินค้าต่าง ๆ ไปยังตลาดออสเตรเลีย โดยไม่เสียภาษี ขณะที่ไทยก็ได้ลดภาษีสินค้า 98.99% ของรายการสินค้าทั้งหมดเป็น 0% แล้ว คงเหลือสินค้าบางรายการ เช่น สินค้าปศุสัตว์ อาทิ เนื้อวัว เนื้อหมู นม เนย ชา และกาแฟ ที่ไทยขอเวลาปรับตัว 15 ปี โดยจะทยอยลดภาษี และเปิดเสรีปี 63