สปท.ผ่านแผนปฏิรูปการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ

สปท.ผ่านแผนปฏิรูปการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ

สปท.ผ่านแผนปฏิรูปการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ รอชงเข้าครม. ทำโรงเก็บสมุนไพรใน 12 เขตสุขภาพ

นพ.ธวัชชัย กมลธรรม ที่ปรึกษากรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.)ได้เห็นชอบแผนการปฏิรูปการแพทย์แผนไทยแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างนำเสนอเข้าสู่วิป แม่น้ำ 3 สาย เพื่อให้การรับรองก่อนนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ต่อไป เมื่อครม.เห็นชอบก็จะส่งเรื่องให้กับหน่วยราชการนำแผนการปฏิรูปการแพทย์แผนไทยแห่งชาติไปปฏิบัติจริง ทั้งนี้ ในแผนการปฏิรูปการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ จะเป็นการวางแผนงานที่ใช้เวลาประมาณ 20 ปี แต่ภายใน 1ปีครึ่งจะต้องมีเรื่องที่ต้องเร่งรัดและวางแผนในด้านแพทย์แผนไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่จะทำให้ประเทศไทยเกิดความมั่นคง และยั่งยืน โดยการนำเรื่องภูมิปัญญา ตำรับยาต่างๆที่ประเทศไทยมีอยู่มาสร้างเป็นเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์ ซึ่งประชาชนจะได้รับประโยชน์จากแผนนี้

“เบื้องต้นจะต้องมีโรงสี หรือโรงเก็บสมุนไพรเกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ โดยจะอิงพื้นที่เขตสุขภาพ 12 เขตของกระทรวงสาธารณสุขก่อนจะขยายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยโรงสีดังกล่าวจะทำหน้าที่เก็บรวบรวมสมุนไพร และทำการแปรรูปเพื่อจำหน่าย ซึ่งอาจเป็นสารสกัดหรือผลิตภัณฑ์จำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ โดยการผลักดันโรงสีดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย นอกจากนี้ ตัวโรงสีจะเชื่อมโยงกับผู้แปรรูปในระดับโรงงานต่างๆ เพื่อนำไปผลิตเป็นยา เครื่องสำอาง อาหารบำรุงสุขภาพ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หลังจากมีโรงสีแล้วก็จะต้องมีจุดจำหน่าย อย่าง เอาท์เล็ท (Outlet) เพื่อเป็นจุดจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย” นพ.ธวัชชัย กล่าว

นพ.ธวัชชัย กล่าอีกว่า ความมั่นคงที่ได้รับคือไทยจะมีระบบการบริการทางการแพทย์แผนไทยคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน โดยในอนาคตโรงพยาบาลทุกแห่งจะต้องมีการแพทย์แผนไทยให้ประชาชนได้เลือกว่าจะเข้ารับบริการด้วยการแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์แผนตะวันตก ในการเลือกรับบริการนั้น ประชาชนสามารถเชื่อถือการแพทย์แผนไทยได้เพราะทุกอย่างที่นำมาใช้ร่วมจะต้องมีงานวิจัยรองรับก่อนถึงจะนำมาใช้ได้ ซึ่งจะมีการปฏิรูปงานวิจัยร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม หากแผนการปฏิรูปการแพทย์แผนไทยแห่งชาติผ่านครม.ก็จะส่งผลให้งานในการปฏิรูปโครงสร้างด้านแพทย์แผนไทยดีขึ้น เพราะจะมีงบประมาณมาใช้พัฒนา ในด้านต่างๆ ทั้งด้านการบริหารกำลังคน การเพิ่มกำลังคน เป็นต้น รวมถึง การบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาสมุนไพรไทยและแพทย์แผนไทยให้สามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้

       “ยังจะมีการส่งเสริมการศึกษาด้านของการแปรรูปผลิตภัณฑ์ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งเรื่องของการบริการ โดยคาดว่าจะมีการเสนอแผนการปฏิรูปการแพทย์แผนไทยแห่งชาติเข้าสู่วิป แม่น้ำ 3 สาย ภายในสัปดาห์หน้า ก่อนเสนอเข้าครม. จากนั้นจะนำไปสู่การปฏิรูปใน3ส่วนหลักที่จะได้รับการปฏิรูป ได้แก่ 1.ระบบบริการ2.การศึกษาการทำวิจัยและพัฒนากำลังคน และ3.การปฏิรูประบบการบริหารจัดการ ทั้งนี้ ในที่ประชุมสภาปฎิรูปแห่งชาติ ยังมีการเสนอแนวคิดที่อยากจะยกระดับกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯเป็นกระทรวงเพื่อดูเรื่องของแพทย์แผนไทยอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ”นพ.ธวัชชัยกล่าว