'วัชรพล'ยันไร้ใบสั่งปม ถอนฟ้องคดีสลายพันธมิตร

'วัชรพล'ยันไร้ใบสั่งปม ถอนฟ้องคดีสลายพันธมิตร

"วัชรพล" ยืนยัน ไร้ใบสั่ง ปมพิจารณาถอนฟ้องคดีสลายพันธมิตรฯ แจงทำตามหน้าที่ โยน "กรรมการ ป.ป.ช." พิจารณา

ที่สำนักงานป.ป.ช. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษากรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ร้องขอความเป็นธรรมต่อป.ป.ช.ให้พิจารณาถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.51 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช.เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ว่า เรื่องนี้มีความเห็นในข้อกฎหมายจึงให้คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายได้พิจารณาซึ่งได้คำตอบว่าดำเนินการได้ แต่จะดำเนินการหรือไม่นั้นอีกประเด็นหนึ่งต้องพิจารณาตามหลักการและเหตุผล คิดทุกๆด้าน อาทิ ข้อกฎหมายที่ยังเห็นแตกต่างกัน ข้อเท็จจริงที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องขอความเป็นธรรม ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ แม้แต่เรื่องประโยชน์ที่สาธารณะจะได้รับ

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ขอย้ำว่าถึงเวลานี้คณะกรรมการป.ป.ช.ยังไม่ได้พิจารณาใดๆ เพียงแต่ดูว่าเมื่อมีการร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาเราจะดำเนินการอย่างไร ก็ให้คณะทำงานพิจารณาอย่างรอบคอบ ตนไม่ทราบว่าทำไมเขาถึงเพิ่งมาร้องขอความเป็นธรรมช่วงนี้ทั้งที่ผ่านมาหลายปี เพราะไม่ว่าใครขอความเป็นธรรมต่อกรรมการป.ป.ช.เข้ามาเราก็รับทุกเรื่อง ตั้งแต่ตนเข้ามาทำงานก็มีหลายเรื่องที่ร้องขอเข้ามา มีอยู่ตลอดเวลา เป็นไปตามกระบวนการปกติ แต่เรื่องอื่นๆอาจเป็นเรื่องที่ไม่ได้เป็นที่สนใจของประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลักฐานที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องขอความเป็นธรรมมาใหม่นั้นคืออะไร และเป็นหลักฐานใหม่จริงตามที่นำมากล่าวอ้างหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า นี่คือเหตุที่กรรมการป.ป.ช.ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา เพราะเป็นเรื่องรายละเอียดที่ต้องเปรียบเทียบเพราะเรื่องนี้เกิดมานานพอสมควร ดำเนินการไต่สวนไปมากแล้ว กระทั่งมีการพิจารณาในชั้นอัยการสูงสุด และขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาฯ แม้ว่าโดยกฎหมายหากมีเหตุผลที่จะดำเนินการได้ที่สุดแล้วก็ต้องอยู่ที่ศาลวินิจฉัย ไม่ใช่อำนาจกรรมการป.ป.ช. วันนี้ป.ป.ช.ต้องดูว่าการที่เขาขอความเป็นธรรมมันมีเหตุมีผลหรือไม่ ขอความเป็นธรรมไม่พอยังขอให้เราถอนฟ้อง ซึ่งเป็นคดีที่ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเอง ฉะนั้นต้องเอาทุกปัจจัยมาพิจารณา ตนย้ำอีกครั้งว่าวันนี้กรรมการป.ป.ช.ยังไม่ได้มีมติใดๆ เพียงแต่บอกให้ไปศึกษา

เมื่อถามว่า หากไปถอนฟ้องจริงจะทำให้ป.ป.ช.ตอบสังคมได้ลำบากหรือไม่ ประธานป.ป.ช. กล่าวว่า นั่นคือสิ่งที่กรรมการป.ป.ช.ต้องตระหนัก การทำอะไรทุกอย่างต้องถูกระเบียบกฎหมายทุกประการ ถ้าเราทำผิดกฎหมาย ทั้ง 9 กรรมการคงไม่ทำ และตนเองก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ดังนั้นยืนยันว่าอะไรที่ผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ ไม่ทำ ถูกกฎหมายถูกระเบียบแล้วบางครั้งก็ต้องวิเคราะห์ถึงปัจจัยรอบข้างอื่นๆ ประกอบด้วย รวมถึงความรู้สึกของสังคม

เมื่อถามว่า สังคมยังข้องใจว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ หนึ่งในจำเลยนั้นเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของพล.ต.อ.วัชรพลเอง ประธานป.ป.ช. กล่าวว่า ตนพูดเสมอว่าในชีวิตราชการ 40 กว่าปี มีผู้บังคับบัญชา มีคนรู้จักมากมาย แต่เมื่อมาทำงานในหน่วยงานที่ต้องให้ความเป็นธรรม และจุดนี้ก็เป็นที่เฝ้ามอง มีหน้าที่ทำให้สุจริต โปร่งใส มืออาชีพ เราก็ต้องทำเต็มที่ เพราะถ้าไม่ทำ สื่อมวลชนก็บอกอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่ได้รับความสนใจ ส่วนที่มีข้อกังขาว่า ตนอาจมีส่วนได้เสียในการพิจารณาประเด็นนี้ จึงเป็นประเด็นสำคัญคือเรื่องความเหมาะสมที่จะมาพิจารณาเรื่องนี้ ตนต้องไปพิจารณาเพราะอาจจะมีสภาพร้ายแรงตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าเหมาะสมหรือไม่

เมื่อถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่า ไม่มีใบสั่งหรือแรงกดดันจากใครให้ทำเรื่องนี้ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า “การทำตามหน้าที่ กฎหมาย ใครจะกล้าสั่งให้เราทำในสิ่งที่ผิด ถ้าเป็นคุณมาอยู่ตรงนี้ แล้วมีคนมาขอให้ทำในสิ่งผิดกฎหมาย ผิดจริยธรรม ผิดศีลธรรม เราจะทำหรือไม่ ยิ่งมีคนเฝ้ามองด้วย ก็ไม่ทำแน่ กรรมการป.ป.ช.ทุกคนเสียสละมาทำงาน ผ่านการสรรหา คงไม่มีใครเอาชื่อเสียงเกียรติยศมาทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน ยืนยันได้ ไม่ต้องห่วง”

เมื่อถามว่าถึงเสียงวิจารณ์ถึงความสง่างามไปถึงเรื่องความสง่างามของป.ป.ช. ในการทำเรื่องนี้ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า วันนี้ป.ป.ช.ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วอะไรคือความสง่างาม เข้ามาทำงาน 4 เดือนก็ทำงานหนัก พยายามขับเคลื่อนทุกเรื่อง ปรับระบบการทำงาน เร่งรัดทุกอย่าง เจ้าหน้าที่ทำงานหนักอย่างเต็มที่ก็สง่างามอยู่แล้ว หากไม่สง่างามเพราะตนมาเป็นประธาน แล้วถ้าตนทำอะไรผิดก็อยู่ไม่ได้ ไม่สามารถอยู่ได้ในองค์กรที่ทุกคนคาดหวัง แต่วันนี้เราก็ทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า เสียงค้านที่มีดังขึ้นเรื่อยๆจะส่งผลให้ป.ป.ช.ทบทวนเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เป็นสิ่งดี อย่างน้อยเพื่อประโยชน์สาธารณะว่าเป็นประโยชน์หรือไม่ ต้องคิดทุกปัจจัยไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย แต่ต้องให้ความเป็นธรรม คิดทุกมิติ ยืนยันว่าวันใดที่กรรมการทำเรื่องนี้จบ ตนจะเป็นผู้แถลงให้สื่อมวลชนได้รับทราบเหตุผลเองว่าที่ตัดสินใจอย่างนั้นเพราะเหตุใด

เมื่อถามว่า กังวลเรื่องถูกฟ้องกลับหรือไม่หากถอนฟ้องจริง พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ไม่กังวล หากเราทำสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าถูกฟ้องก็เชื่อว่าได้รับความเป็นธรรมในชั้นการพิจารณาของศาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า การขอมติที่ประชุมกรรมการต่อเรื่องถอนฟ้อง ต้องใช้เสียงของป.ป.ช.ทั้ง9คนใช่หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ องค์คณะโดยปกติก็ต้องเข้าครบ 9 คนอยู่แล้ว นอกเสียจากใครมีเหตุผลติดขัดเรื่องใด ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างตนถ้ามีการโต้แย้งว่ามีสภาพร้ายแรง เข้าไม่ได้ตามป.วิปกครอง กรรมการที่เหลือ 8 เสียงก็ต้องเป็นผู้พิจารณา ตราบใดที่เสียงกรรมการเกินกว่า 5 เสียงก็สามารถวินิจฉัยได้ และกรรมการทั้ง 8 คนจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าตนมีสภาพร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็แล้วแต่มุมมอง ซึ่งถ้าตนถูกชี้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และตนมีสภาพร้ายแรงเข้าไม่ได้ ตนก็จะรู้สึกสบาย และแฮปปี้