ช็อค!สารเคมีตกค้างผักผลไม้ตราQกว่า50%

ช็อค!สารเคมีตกค้างผักผลไม้ตราQกว่า50%

ช็อค! ผักผลไม้ตรา Q สารเคมีตกค้างกว่า 50% ตรารับรองออร์แกนิคไทยแลนด์พบตกค้างถึง 1 ใน 4 แถมตรวจพบสารที่ห้ามใช้แล้ว

ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) น.ส.ปรกชล อู๋ทรัพย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือไทยแพน (Thai-PAN :Thailand Pesticide Alert Network) แถลงผลการเฝ้าระวังสารเคมีกำจัดศัตรูพืชในผักผลไม้ 2559 ว่า เดิมไทย-แพนมีการเฝ้าระวังสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างประมาณ 90 ตัวอย่าง ตรวสอบเพียง 4 กลุ่ม แต่ในปี 2559 มีการขยายขอบเขตมากขึ้น โดยสุ่มตัวอย่างผัก 10 ชนิด ผลไม้ 6 ชนิด รวมจำนวน 138 ตัวอย่าง จากตลาดสดและห้างโมเดิร์นเทรด 7 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล จ.เชียงใหม่ และจ.อุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 16 -18 มีนาคม 2559 และส่งไปวิเคราะห์หาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างที่ห้องปฏิบัติการในประเทศอังกฤษ ซึ่งสามารถวิเคราะห์หาสารพิษตกค้างได้กว่า 450 ชนิด

ผลการตรวจวิเคราะห์ ผัก 10 ชนิด มีสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐาน ดังนี้ พริกแดง 100 % กะเพรา 66.7 % ถั่วฝักยาว 66.7 % คะน้า 55.6 % ผักกาดขาวปลี 33.3 % ผักบุ้งจีน 22.2% มะเขือเทศ 11.1 % แตงกวา 11.1 % มะเขือเปราะและกะหล่ำปลี 0 % ส่วนผลไม้ 6 ชนิด มีสารพิษตกค้าง คือ ส้มสายน้ำผึ้ง ฝรั่ง 100 % แก้วมังกร 71.4 % มะละกอ 66.7 % มะม่วงน้ำดอกไม้ 44.4% และแตงโม 0 % ในภาพรวมมีผักและผลไม้มีสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐานสูงถึง 46.4 % ที่สำคัญ พบว่า ผักและผลไม้ที่ได้รับตรา Q จากสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ(มกอช.) พบสารเคมีมากที่สุด โดยพบสูงถึง 57.1 % นอกจากนี้ ผักและผลไม้อินทรีย์ที่ได้รับการรับรองออร์แกนิค ไทยแลนด์(Organic Thailand) ที่ไม่ควรตรวจพบการตกค้างของสารเคมีกลับพบการตกค้างสูงเกินมาตรฐานถึง 25 % หรือ 1 ใน 4 ของจำนวนตัวอย่าง

น.ส.ปรกชล กล่าวอีกว่า การเฝ้าระวังนี้ยังพบอีกว่าผักผลไม้ที่จำหน่ายในห้างโมเดิร์น เทรด หรือห้างค้าปลีกที่ราคาแพงกว่าตลาดกลับไม่ได้มีความปลอดภัยมากกว่า โดยมีจำนวนตัวอย่างตกค้างเกินมาตรฐานถึง 46 % ขณะที่ตลาดสดมีสัดส่วน 48 % ถือว่าใกล้เคียงกันมาก และพบด้วยว่า มีสารกำจัดศัตรูพืชที่ถูกห้ามใช้แล้ว ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนรวม 11 ชนิด เช่น คาร์โบฟูราน เมโทมิล หรือสารดีท(deet)ที่เป็นส่วนประกอบของยากันยุงก็พบตกค้างในผักคะน้า ซึ่งสารพิษเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะสร้างอันตราย อย่างเช่น คาร์โบฟูรานเป็นสารก่อมะเร็ง ที่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเลิกใช้แล้วเพราะระบุว่าหากมีการตกค้างแล้วให้เด็กกินจะเสี่ยงเกินกว่าจะรับได้ เป็นต้น

“ส่วนที่กะหล่ำปลีและแตงโมที่คนไทยรู้ว่ามีการใช้สารเคมีมากแต่กลับตรวจไม่พบการตกค้างนั้น ยังวิเคราะห์ได้ไม่แน่นอน แต่มี 3 สมมติฐานที่เป็นไปได้ คือ อาจใช้สารเคมีชนิดที่ห้องแล็ปตรวจไม่ได้ หรือ มีการใช้สารเคมีแต่ตกค้างไม่ถึงผู้บริโภค เพราะสลายตัวไปก่อนและอาจเป็นผลจากการยับยั้งการใช้คาร์โบฟูรานที่มักใช้ในการหยอดหลุมก่อนปลูกแตงโม”น.ส.ปรกชลกล่าว

น.ส.กิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา รองผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี(BIOTHAI) กล่าวว่า ผลการตรวจสอบทั้งหมดนี้ ไทยแพนได้นำเสนอต่อห้างค้าปลีก สมาคมตลาดสด และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น มกอช. กรมวิชาการเกษตร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เรียบร้อย โดยจะมีการยกเครื่องการให้ตรารับรอง Q และออร์แกนิคไทยแลนด์ ด้านของผู้ประกอบการจะแจ้งอย่างเป็นทางการมายังไทยแพนภายใน 1 สัปดาห์ว่ามีการดำเนินการอย่างไรในการลดปัญหาสารพิษตกค้าง อย่างไรก็ตาม กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) อย.และกรมวิชาการเกษตรต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ดกระทำผิดจำหน่ายอาหารไม่ปลอดภัย หลอกลวงผู้บริโภคหรือปลอมแปลงตรารับรอง

“บอกได้ยากว่าผักและผลไม้เหล่านี้เป็นการปลูกในไทยหรือนำเข้าจากต่างประเทศ เชื่อว่าขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วย เช่น แก้วมังกรช่วงนี้ของไทยยังไม่ออก ที่มีในตลาดนำเข้าจากเวียดนาม การจะให้แนะนำผู้บริโภคเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่หากจะแนะแบบหยาบๆคือก็ควรซื้อที่ตลาดสดจะไปจ่ายเงินซื้อแพงทำไมในเมื่อสัดส่วนการตกค้างของสารพิษไม่แตกต่างกันมาก หรือล้างผัก ผลไม้ก่อนรับประทาน แต่บอกได้ยากว่าควรล้างอย่างไร เพราะสารบางชนิดไม่ดูดซึมสามารถล้างออกได้ง่าย เช่น ไซเปอร์เมทริน จะล้างออกได้มากถ้าใช้น้ำส้มสายชู แต่ไม่หมด 100 % ส่วนบางชนิดเป็นสารที่ดูดซึม ล้างไม่ออกแม้แต่ใช้ความร้อนก็ไม่สลาย และที่มีความเชื่อว่าควรเลือกผักที่มีรูแปลว่าไม่มีการใช้สารเคมี ก็ไม่จริงเสมอไป ไม่ใช่หลักประกันว่าจะผลอดสารพิษ ซึ่งจากการคุยกับเกษตรกรทำให้ได้ข้อมูลว่า บางครั้งที่ผักเป็นรูอาจเป็นเพราะมีการใช้สารเคมีมากจนไม่สามารถกำจัดศัตรูพืชได้แล้ว ที่ดีที่สุด คือ ต้องทำให้ต้นทางไม่มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช”น.ส.กิ่งกรกล่าว