สรท.คงเป้าส่งออกปีนี้ขยายตัว 0-2%

สรท.คงเป้าส่งออกปีนี้ขยายตัว 0-2%

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ คงเป้าส่งออกปีนี้ที่ 0-2% แม้เดือนมี.ค.จะขยายตัว 1.30% แนะจับตาเศรษฐกิจโลกใกล้ชิด พร้อมขอรัฐดูแลเงินบาทไม่ให้แข็งค่า

นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า แม้กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขการส่งออกเดือนมีนาคม 19,125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 1.30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทาง สรท.มองว่าแม้จะเป็นบวก แต่คงต้องติดตามการส่งออกอีก 3 ไตรมาส ซึ่งยังมีปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมาก ประกอบกับหลายสำนักยังประเมินภาพรวมการส่งออกปีนี้ติดลบ ดังนั้น สรท. จะยังคงเป้าหมายการส่งออกปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 0-2 ไม่มีการปรับประมาณการ และคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังใกล้ชิด แม้ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐ จีน มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ภาพรวมยังเห็นว่าเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมีปัญหาและเปราะบาง ประกอบกับภาคเอกชนกังวลปัญหาเงินบาทแข็งค่าเกินไป และการแข่งขันทางการค้าโดยใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีหลายประเทศค่อนข้างมาก รวมถึงปัญหาไอยูยูว่าอียูจะให้ใบแดงต่อการแก้ไขปัญหาประมงของไทยอออกมาเช่นไร

ทั้งนี้ ทาง สรท. กำหนดเป้าหมายการส่งออกปีนี้เติบโตร้อยละ 0-2 มูลค่าส่งออกรวม 214,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันเฉลี่ย 45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เงินบาท 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น การที่จะให้การส่งออกเติบโตร้อยละ 5 ตามที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ หมายถึงต้องทำให้มูลค่าการส่งออกเดือนละ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เห็นว่าเป็นเรื่องยากมากในช่วงภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม อยากให้กระทรวงพาณิชย์ดึงสินค้าทองคำออกไปต่อการคำนวณตัวเลขการส่งออกในแต่ละเดือนที่แถลงออกมา เพื่อให้ได้ทราบตัวเลขการส่งออกที่ชัดเจนมากขึ้น และอยากให้เข้ามาดูตลาดในกลุ่ม CLMV ว่า ทำไมตัวเลขการส่งออกของไทยในกลุ่มตลาดดังกล่าวไตรมาสแรกหดตัวติดลบร้อยละ3.99 ทั้งที่ผ่านมาไทยส่งออกเจาะตลาดได้ดี คงต้องมาวิเคราะห์และเร่งหามาตรการป้องกันเป็นการเร่งด่วน เพราะกลุ่มนี้ถือเป็นตลาดที่ไทยจะส่งออกได้ดีแต่กลับมีปัญหา คงต้องฝากหน่วยงานภาครัฐดูแลมากขึ้น และยังมองว่าเศรษฐกิจโลกยังมีโอกาสที่จะหดตัวและปรับลดอัตราการเติบโตได้อีกเช่นกัน

นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน สรท. กล่าวว่า ไม่อยากให้กระทรวงพาณิชย์หรือหน่วยงานภาครัฐออกมาระบุว่าการส่งออกฟื้นตัว เพราะขณะนี้ยังมีหลายปัจจัยที่ไม่ดี ส่งผลให้สินค้าภาคการเกษตร เช่น ข้าว น้ำตาล มันสำปะหลัง ยังติดลบ ขณะที่กลุ่มอาหารเติบโตบ้างเล็กน้อย ประกอบกับหลายสำนักแม้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ออกมาระบุว่าการส่งออกปีนี้ค่อนข้างติดลบ จึงอยากให้ติดตามแนวทางของภาครัฐที่จะช่วยเหลือภาคการส่งออกและสิ่งที่ภาคเอกชนกังวลค่อนข้างมาก คือ เงินบาท ค่อนข้างแข็งค่ามากกว่าประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม เพราะหากแข็งค่าถึง 34 บาทต่ดอลลาร์สหรัฐ จะกระทบการส่งออกของไทย จึงอยากให้ภาครัฐดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเกินไป