ตากแดดจ้าเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง

ตากแดดจ้าเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง

อธิบดีกรมการแพทย์เตือนประชาชนระวังโรคมะเร็งผิวหนัง แนะวิธีเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ดื่มน้ำสะอาด ลดความเสี่ยงได้

อธิบดีกรมการแพทย์เตือนประชาชนระวังโรคมะเร็งผิวหนัง แนะวิธีเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด ทาครีมกันแดดเป็นประจำ ดื่มน้ำสะอาด ลดความเสี่ยงได้

นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อนทำให้ทั่วภูมิภาคอากาศร้อนอบอ้าว แสงแดดจ้าและมลภาวะต่างๆ เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคผิวหนังได้ง่าย โดยเฉพาะแสงอัลตราไวโอเลต หรือ UV ที่มาจากดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังและเป็นสาเหตุสำคัญ ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ซึ่งมะเร็งชนิดนี้พบเพียงร้อยละ 5 ของมะเร็งทั้งหมด พบมากในเพศชาย มากกว่าหญิง และกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี

โดยที่พบบ่อย มี 3 ชนิด คือ 1) มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นฐานของหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นตุ่มนูนใส ขอบม้วน อาจมีสีดำหรือแตกเป็นแผล พบบ่อยบริเวณที่ถูกแดด เช่น ใบหน้า ใช้ระยะเวลานานในการแพร่ กระจายโรค 2) มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า มีสัญลักษณ์นูน แดง ผิวหนังแตกเป็นแผล เลือดออกง่าย พบบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ขอบใบหู สามารถแพร่กระจายจากบริเวณหนึ่งไปอีกบริเวณหนึ่งได้ เติบโตและขยายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วและลึกกว่ามะเร็งผิวหนังชนิดแรก 3)มะเร็งที่เกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสี มีลักษณะคล้ายไฝหรือขี้แมลงวันหรือเป็นจุดดำบนผิวหนัง ไฝบนฝ่ามือ ฝ่าเท้า ใต้เล็บ มีโอกาส เป็นมากกว่าที่อื่นๆ สัญญาณอันตรายของมะเร็งผิวหนังชนิดนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงของผิว ไฝ ขี้แมลงวัน เช่น มีการตกสะเก็ด ลอก หรือมีอาการปวด มีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลเยิ้ม มีตุ่มนูนเกิดขึ้นข้างๆ มีการแพร่ กระจายของเม็ดสีไปรอบๆ ดังนั้นจึงควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของไฝหรือขี้แมลงวัน หากพบว่าผิดปกติให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

สำหรับการปฎิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง คือ หลีกเลี่ยงจากแสงแดดในช่วงที่มีรังสีอัลตราไวโอเลตมากๆ คือ เวลาประมาณ 10.00 - 15.00 น. และหากมีความจำเป็นต้องถูกแดดควรปกปิด ผิวพรรณด้วยการใส่เสื้อแขนยาวคอปิด กางร่มหรือใส่หมวกปีกกว้าง และสิ่งที่ควรทำเป็นกิจวัตรประจำวัน คือ ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าวันที่มีเมฆหมอก ฝนตกหรือหน้าหนาว จะไม่มีแสงแดดมาทำอันตรายผิวของเรา แต่ความจริงแล้ว หากยังมีแสงสว่างเพียงพอที่จะมองเห็นหรืออ่านหนังสือได้ แสง UV ก็สามารถส่องผ่านมายังผิวหนังได้เช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ผิวไหม้มากกว่าปกติ นอกจาก การหลีกเลี่ยงแสงแดดแล้ว ควรงดรับประทานยาที่มีส่วนผสมของสารหนู ทั้งยาจีน ยาไทย เมื่อรับประทานนานๆ จะทำให้เป็นโรคผิวหนังและกลายเป็นมะเร็งผิวหนังในที่สุด

อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวเพิ่มเติมว่าการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผัก และผลไม้จะช่วยป้องกันอันตรายของแสงแดดที่มาทำร้ายผิวได้ ได้ เช่น มะเขือเทศ ที่มีสารไลโคปิน แครอท ที่มีสารเบต้าแคโรทีนและกรดโฟลิก จะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ นอกจากนี้ การดื่มน้ำเปล่าอย่างสม่ำเสมอวันละ 8 แก้ว จะช่วยให้เซลล์ผิวหนังทำงานได้ปกติ ลดการสูญเสียน้ำในร่างกายในช่วงหน้าร้อน ทำให้ผิวชุ่มชื่นและมีสุขภาพที่ดีได้