เตือนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำยื่นขออนุญาตภายใน11พ.ค.นี้

เตือนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำยื่นขออนุญาตภายใน11พ.ค.นี้

กรมประมงจัดระเบียบการเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อฟื้นฟูในแหล่งน้ำธรรมชาติ เตือนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำยื่นขออนุญาตภายใน 11 พ.ค.นี้

นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา กรมประมงได้ออกประกาศกรมประมง เรื่องกำหนดให้ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ก่อนวันที่พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 มีผลใช้บังคับคือวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 มายื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน (เบื้องต้น) ก่อนวันที่พระราชกำหนดนี้มีผลบังคับใช้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามพระราชกำหนดนี้ ภายใน 180 วัน คือตั้งแต่วันนี้ – 11 พฤษภาคม 2559 

ทั้งนี้ผู้ที่ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่จะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาต จะเป็นผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทั้งในพื้นที่ทะเลและน้ำจืด ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง การเพาะเลี้ยงหอย ฯลฯ ที่ได้ทำการเพาะเลี้ยงอยู่ก่อนวันที่ 14 พฤศจิกายน 2558 ไม่เป็นความผิดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งการยื่นคำขอรับใบอนุญาตดังกล่าว จะต้องยื่นต่อทำ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่  โดยพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยื่นคำขอ ณ สำนักงานประมง พื้นที่กรุงเทพมหานคร  ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดให้ยื่น ณ สำนักงานประมงจังหวัด สำนักงานประมงอำเภอ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง ศูนย์หน่วยบริหารจัดการด้านการประมง ในเขตพื้นที่ที่ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ  ซึ่งผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สามารถยื่นคำขอรับใบอนุญาตได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า หลังจากที่ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว สามารถทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่อไปได้ จนกว่าจะมีคำสั่งแจ้งว่าไม่อนุญาตโดยการยื่นคำขอรับใบอนุญาตในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการเพื่อไม่ให้เกษตรกรที่ได้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินมีความผิดตามที่กฎหมายกำหนด และพนักงานเจ้าหน้าที่จะออกใบรับคำขอให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน (เบื้องต้น) ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแสดงต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตดังกล่าวได้รับการอนุญาตตามกฎหมายแล้ว เนื่องจากหลังจากนี้กรมประมงจะนำข้อมูลที่ได้จากการยื่นคำขอรับใบอนุญาต (เบื้องต้น) มาเป็นฐานข้อมูลในการดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดเพื่อประกอบการพิจารณากำหนดพื้นที่ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป และเมื่อมีการกำหนดพื้นที่และแนวทางสำหรับการขอรับใบอนุญาตในการพิจารณาอนุญาตเพื่อให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา 79 เรียบร้อยแล้ว จึงให้เกษตรกรยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนดต่อไป

“การดำเนินครั้งนี้ เพื่อเป็นการจัดระเบียบการประมงทั่วประเทศ ให้สอดคล้องกับขนาดของแหล่งน้ำสาธารณะเพื่อเป็นการรักษาและพื้นฟูสภาพแวดล้อมของแหล่งน้ำธรรมชาติเหล่านี้ เพราะเนื่องจากปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นจำนวนมาก ที่อาจมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมในบางพื้นที่โดยปัจจุบันมีผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่ได้ข้อใบอนุญาตจำนวน 16,000 ราย และในการออกประกาศให้ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมายื่นคำขออนุญาตครั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมายื่นคำขอจำนวนทั้งสิ้น 30,000 ราย ทั้งนี้หากมีผู้ใดฝ่าฝืนไม่มายื่นคำขอ จะมีโทษตามมาตร 149 คือปรับตั้งแต10,000 บาท – 100,000 บาท และปรับวันละ 10,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่มีการปรับ และต้องดำเนินการฟื้นฟูหรือชำระค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูที่จับสัตว์น้ำหรือสภาพสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการให้กลับสูงสภาพตามธรรมชาติ”   

ทั้งนี้ในกรุงเทพมหานครสามารถยื่นคำขอ ณ สำนักงานประมง พื้นที่กรุงเทพมหานคร  ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดให้ยื่น ณ สำนักงานประมงจังหวัด สำนักงานประมงอำเภอ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืด ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง ศูนย์หน่วยบริหารจัดการด้านการประมง ในเขตพื้นที่ที่ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ  ซึ่งผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สามารถยื่นคำขอรับใบอนุญาตได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

หลังจากที่ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว สามารถทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำต่อไปได้ จนกว่าจะมีคำสั่งแจ้งว่าไม่อนุญาต โดยการยื่นคำขอรับใบอนุญาตในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการเพื่อไม่ให้เกษตรกรที่ได้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินมีความผิดตามที่กฎหมายกำหนด  และพนักงานเจ้าหน้าที่จะออกใบรับคำขอให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน (เบื้องต้น) ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อแสดงต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ  แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตดังกล่าวได้รับการอนุญาตตามกฎหมายแล้ว เนื่องจากหลังจากนี้    กรมประมงจะนำข้อมูลที่ได้จากการยื่นคำขอรับใบอนุญาต (เบื้องต้น) มาเป็นฐานข้อมูลในการดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดเพื่อประกอบการพิจารณากำหนดพื้นที่ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดต่อไป และเมื่อมีการกำหนดพื้นที่และแนวทางสำหรับการขอรับใบอนุญาตในการพิจารณาอนุญาตเพื่อให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา 79 เรียบร้อยแล้ว จึงให้เกษตรกรยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนดต่อไป