แอร์ฯสาวโร่พบตร. คดีแม่ถูกอุ้มฆ่า โยงสุสานเผานั่งยาง23จุด

แอร์ฯสาวโร่พบตร. คดีแม่ถูกอุ้มฆ่า โยงสุสานเผานั่งยาง23จุด

"แอร์โฮสเตสสาว" โร่พบรองผบ.ตร. ตามคดีแม่ถูกอุ้มฆ่าที่อุดรฯปี52 ด้านตร.เก็บDNAเทียบกระดูกสุสานเผานั่งยาง23จุด เผยมีญาติแห่ร้องแล้ว20ราย

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) น.ส.กุสุมา อินทร์ศรี อายุ 31 ปี พนักงานต้อนรับ (แอร์โฮสเตส) สายการบินโคเรียนแอร์ ลูกสาวของนางกุหลาบ อินทร์ศรี เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เพื่อติดตามคดีที่นางกุหลาบ หายตัวจากบ้านพักตำรวจ สภ.บ้านเทื่อม จ.อุดรธานี เมื่อปี 2552

โดยในชั้นสอบสวนผู้จ้างวานซัดทอดว่ามีตำรวจ 2 นาย ในจังหวัดดังกล่าว เป็นคนอุ้มฆ่า ซึ่งการเข้าพบ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เพื่อติดตามคดีในครั้งนี้ ได้มีพล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี และพล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.พฐก. ร่วมชี้แจงถึงการทำคดีด้วย พร้อมกับให้แพทย์นิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอเพื่อเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของกระดูกที่ถูกพบเผานั่งยางกลางป่า อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี กว่า 23 จุด โดยมี พ.ต.อ.ภวัต ประทีปวิศรุต รองผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เป็นผู้ตรวจเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ

พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวว่า ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้งดีเอ็นเอจากญาติผู้เสียหายที่เข้าร้องเรียนให้ตรวจสอบ โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่จะนำไปสู่การรื้อคดีของ นางกุหลาบ อินทร์ศรี ที่สูญหายไปตั้งแต่ปลายปี 2552 ที่บ้านพักตำรวจในพื้นที่ สภ.บ้านเทื่อม จ.อุดรธานี ซึ่งพบเพียงคราบเลือดบนที่นอน และบนรถยนต์ ซึ่งต่อมาตำรวจได้ทำการสืบสวนจนนำไปสู่การจับกุมผู้จ้างวานก่อนจะซัดทอดไปยัง 2 นายตำรวจว่า เป็นผู้ลงมือฆ่า แต่ต่อมาพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ หากนำตัวอย่างดีเอ็นเอของน.ส.กุสุมา ไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอ ของกระดูกดังกล่าว และหากดีเอ็นเอตรงกันก็จะถือว่ามีหลักฐานใหม่ และนำไปสู่การรื้อคดีได้

พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ขอยืนยัน แม้ว่าคดีนี้จะมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ตนก็พร้อมให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย และจะเร่งรัดคลี่คลายคดีนี้ให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว

สำหรับความคืบหน้าการสืบสวนเกี่ยวกับโครงกระดูกที่ถูกเผานั่งยางจำนวน 23 จุด พบกระดูกมนุษย์ 8 กอง ขณะนี้มีญาติของผู้สูญหายในคดีต่างๆ จำนวน 20 ราย ได้มาขอให้ตำรวจตรวจสอบว่ากระดูกที่พบเป็นญาติของตนเองหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ามีความยากลำบาก เพราะบางจุดกระดูกมีอายุกว่า 30 ปี นอกจากการตรวจสกัดดีเอ็นเอทำได้ยากแล้ว การแสวงหาพยานหลักฐานก็ทำได้ยาก เพราะเวลาล่วงเลยมานานมาก และถึงแม้จะได้หลักฐานมา แต่ด้วยระยะเวลาคดีก็หมดอายุความแล้ว

“ตำรวจเชื่อว่าหากสามารถจับกุมคนร้ายในคดีใดคดีหนึ่งได้ ก็จะเป็นกุญแจในการไขคดีอื่นๆ ด้วย เพราะมั่นใจว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยเฉพาะคดีอุ้มฆ่า นางบังอร ทองอ่อน อายุ 52 ปี เจ้าแม่เงินกู้นอกระบบ ที่ขณะนี้ ตำรวจพอรู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว และอยู่ระหว่างการแสวงหาพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี โดยในวันที่ 2 พ.ค.นี้ จะมีการประชุมเพื่อสรุปว่ากระดูกที่พบทั้ง 8 กอง เข้าข่ายกับคดีอุ้มฆ่ากี่คดี” ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ระบุ

ด้าน พ.ต.อ.ภวัต กล่าวว่า กระดูกที่พบมีอายุเก่าทำให้ยากในการสกัดหาดีเอ็นเอ แต่ที่ผ่านมากระดูกที่มีสภาพเก่าก็สามารถตรวจหาดเอ็นเอได้ อย่างกระดูกที่เก่าที่สุดที่เคยตรวจหาดีเอ็นเอ คือ 10 ปี หากกระดูกที่อายุมากกว่านั้น อาจจะต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการตรวจ อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งทำงาน สำหรับตัวอย่างดีเอ็นเอของน.ส.กุสุมา นอกจากจะรอไว้เปรียบเทียบกับดัเอ็นเอของกระดูกจากจุดเผานั่งยางแล้ว เจ้าหน้าที่จะนำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของศพไร้ญาติในฐานข้อมูลของสถาบันนิติเวชวิทยา และศูนย์บริหารจัดการบุคคลสูญหาย และศพนิรนาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกด้วย