หลักฐานยังไม่ถึง 'จตุพร-หนูหริ่ง' หลังมีผังโยงจ้างโพสต์ป่วน

หลักฐานยังไม่ถึง 'จตุพร-หนูหริ่ง' หลังมีผังโยงจ้างโพสต์ป่วน

เผยหลักฐานยังไม่ถึง "จตุพร-หนูหริ่ง" หลังมีแผนผังโยงจ้างคนโพสต์ ป่วนประชามติ ร่างรธน.

จากกรณีเมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา ทหารนำตัว น.ส.ณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์ พร้อมด้วย นายนพเก้า คงสุวรรณ ,นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรนันท์ หรืออ้วน ,นายโยธิน มั่งคั่งสง่า หรือโย ,นายธนวรรธน์ บูรณศิริ ,นายศุภชัย สายบุตร หรือตั๋ม ,นายหฤษฏ์ มหาทน และ นายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา หรือ ที รวม 8 ราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหาร ข้อหากระทำความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และผิดกฎหมายอาญา มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นก่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่องและวุ่นวายในสังคม มามอบให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป) ขณะที่ นายชัยธัช รัตนจันทร ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับในคดีเดียวกันอยู่ในต่างประเทศ ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกคุมตัวไปฝากขังที่ศาลทหาร กรุงเทพ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 เม.ย. มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับแผนผังการแสดงหน้าที่ของกลุ่มขบวนการดังกล่าวนั้น ทางทหารเป็นผู้จัดทำ โดยรวบรวมข้อมูลจากสายข่าวและข้อมูลที่เฝ้าระวังตามเพจเฟซบุ๊ค หรือสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ

อย่างไรก็ตามในผังระบุว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. และ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด หรือหนูหริ่ง จ้างให้ น.ส.ณัฏฐิกา ดูแลเพจให้ ซึ่งเป็น 2 ใน 6 เพจ ที่น.ส.ณัฏฐิกาดูแล และร่วมเป็นแอดมินอยู่ แต่เบื้องต้นพบการกระทำความผิดผ่านเพจ “เรารักพล.อ.ประยุทธ์” จึงไม่เกี่ยวกับเพจอื่นๆ ดังนั้นนายจตุพร และนายสมบัติจึงยังไม่ถูกตั้งข้อหาใดๆ เนื่องจากพยานหลักฐานยังไม่พบว่าทั้งสองร่วมกระทำความผิดในเพจดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้ ถึงแม้จะพบว่า น.ส.ณัฏฐิกา และ นายหฤษฏ์ จะถูกตั้งข้อหา หมิ่นสถาบันฯ ตาม ม.112 เพิ่มก็ตาม ซึ่งข้อหาเพิ่มดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างขอศาลทหารอนุมัติออกหมายจับ

ขณะเดียวกัน ในส่วนทนายที่อ้างว่าเป็นทนายฝั่งผู้ต้องหา และถูกเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจกีดกันไม่ให้ร่วมฟังการสอบปากคำผู้ต้องหานั้น รายงานข่าวจากตำรวจยืนยันว่า ไม่ได้ปิดกั้นหรือกีดกันใดๆ แต่ก่อนหน้านั้นตำรวจได้ประสานขอทนายจากสภาทนายความมาแล้ว ซึ่งภายหลังเมื่อทางญาติผู้ต้องหาเดินทางมาพร้อมทนายอีกกลุ่มหนึ่ง ตำรวจได้ถามความสมัครใจแล้ว พบว่า ผู้ต้องทุกคนยืนยันว่าจะใช้ทนายของสภาทนายความ ดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นไปตามความยินยอมและสมัครใจของผู้ต้องหาทั้งสิ้น ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้บังคับหรือขู่เข็ญใดๆ โดยมีหลักฐานเป็นเอกสารลงลายมือชื่อยินยอมรับทนายจากสภาทนายความอีกด้วย