'ทีวีดิจิทัล' ลุยลงทุนคอนเทนท์ชิงโฆษณา

'ทีวีดิจิทัล' ลุยลงทุนคอนเทนท์ชิงโฆษณา

"ทีวีดิจิทัล"ลุยลงทุนคอนเทนท์ชิงโฆษณา เผย"สุรินทร์"มั่นใจที่จะเริ่มลงทุนคอนเทนท์ใหม่

นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการและผู้ปฏิบัติการแทนรักษากรรมการผู้จัดการ บริษัทบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3 เปิดเผยว่า ช่อง3เป็นผู้รับใบอนุญาตทีวีดิจิทัล3ช่อง คือช่องเอชดี33,ช่อง28เอสดี และช่อง13แฟมิลี่ “ยืนยัน”ประกอบกิจการทีวีดิจิทัลทั้ง3ช่องจนครบอายุใบอนุญาต15ปี

ปัจจุบันช่อง3เป็นผู้ประกอบการที่ใช้งบลงทุนผลิตคอนเทนท์สื่อทีวีมากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากมีฟรีทีวี3ช่อง ซึ่งช่อง3ที่ออกกากาศคู่ขนานช่อง33ใช้งบลงทุนสูงสุด จากการผลิตละครปีละ40-50เรื่อง

ปีนี้ได้เสริมรายการกลุ่มกีฬา รายการใหญ่คือถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร2016และซีรีส์การ์ตูนระดับโลก โดยร่วมเป็นพันธมิตรกับ “ดรีมเวิร์ก แอนิเมชั่น” สหรัฐ เพื่อนำเสนอซีรีส์การ์ตูนทางฟรีทีวีเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

นอกจากนี้ ได้เดินหน้าแข่งขันประมูลซื้อคอนเทนท์ระดับโลกในกลุ่มกีฬา เพื่อนำมาออกอากาศทางฟรีทีวีและทีวีดิจิทัล ทั้ง3ช่อง โดยมี3รายการสำคัญ ที่ช่อง3เข้าร่วมแข่งขันประมูลซื้อลิขสิทธิถ่ายทอดสดการแข่งขันและอยู่ระหว่างการรอผลตัดสิน คือ การแข่งขันฟุตบอลโลก2018ที่ประเทศรัสเซีย , การแข่งขันวอลเล่ย์บอล รายการ เอเชี่ยน วอลเลย์บอล คอนเฟเดอเรชัน ,รายการเอเชี่ยน ฟุตบอล คอนเฟเดอเรชัน เป็นต้น

การเข้าร่วมแข่งขันชิงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก2018เนื่องจากช่อง3มีความพร้อมในการถ่ายทอดสดการแข่งขันครบทุกแมตช์ จากทั้ง3ช่องฟรีทีวี อีกทั้งมองว่าฟุตบอลโลก เป็นคอนเทนท์สำคัญที่เข้าถึงฐานผู้ชมทุกกลุ่มทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างการรับรู้ในทีวีดิจิทัลช่องใหม่มากขึ้น

"การเสริมคอนเทนท์ใหม่ในช่อง3ปีนี้ วางเป้าหมายรายได้ช่อง3ปีนี้กลับมาเติบโตอีกครั้งที่3-5%หลังจากปีก่อนรายได้ลดลงราว5%จากภาวะการแข่งขันสูงและเศรษฐกิจชะลอตัว"

นายสุรินทร์ กล่าวอีกว่า หลังจากผู้ชมเริ่มรู้จักทีวีดิจิทัลช่องใหม่มากขึ้นจากการออกอากาศในช่วง2ปี จึงมั่นใจที่จะเริ่มลงทุนคอนเทนท์ใหม่ ทั้ง2ช่องในปีนี้ โดยช่อง28เอสดี วางตำแหน่งเจาะผู้ชมกลุ่มแมสและต่างจังหวัด แตกต่างจากช่อง3ที่เป็นกลุ่มพรีเมียม เน้นพื้นที่กรุงเทพและเขตเมือง เตรียมนำเสนอคอนเทนท์ใหม่เพิ่มขึ้น50%เริ่มด้วยละคร เสาร์-อาทิตย์ เวลา18.20-19.50น. ออกอากาศช่วงไตรมาสสอง รวมทั้งรายการจากพันธมิตรช่องวากุ วากุ ประเทศญี่ปุ่น ช่วงเช้าเสาร์-อาทิตย์ และรายการใหม่ช่วงไพรม์ไทม์ จันทร์-ศุกร์

“ช่อง28เอสดี ถูกวางตำแหน่งเป็นทีวีสำหรับกลุ่มแมส ซึ่งเป็นฐานผู้ชมที่ช่อง3เข้าถึงไม่มาก แต่หลังจากนี้ จะใช้ช่อง28เข้าเจาะกลุ่มดังกล่าว เริ่มด้วยละครแนวที่ตลาดแมสชื่นชอบ ซึ่งจะทำให้ภาพรวมช่อง3เข้าถึงทุกกลุ่มผู้ชม”

ส่วนช่อง13แฟมิลี่ ปีนี้จะมีคอนเทนท์ใหม่เพิ่มขึ้น25-30%มุ่งเจาะกลุ่มครอบครัว ด้วยจุดขาย รายการขาวสะอาดบันเทิงดีมีความสุข ข่าวดีมีสาระ เน้นเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตคอนเทนท์จากต่างประเทศ เพื่อร่วมกันนำเสนอรายการ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาหลายราย

“ทีวีเป็นธุรกิจที่ลงทุนสูงด้านคอนเทนท์ ช่วง2ปีที่ผ่านมาช่อง3อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในทีวีดิจิทัล2ช่องใหม่ และรอการขยายตัวของฐานผู้ชมในแฟลตฟอร์มทีวีดิจิทัล ปีนี้เราพร้อมที่จะลงทุนในทั้ง2ช่อง ด้วยการผลิตรายการใหม่ และวางเป้าหมายรายได้ปีนี้ทั้ง2ช่องเติบโตก้าวกระโดด แต่ยังอยู่ในภาะขาดทุน โดยจุดคุ้มทุนยังเป็นไปตามแผนที่ระยะเวลา5-7ปี”

นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เปิดเผยว่าบริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจทีวีดิจิทัลต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งก้าวเข้าสู่ปีที่3

ล่าสุด ประกาศเพิ่มทุน จาก 1,500 ล้านบาท เป็น3,000ล้านบาท เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานและธุรกิจแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

การดำเนินธุรกิจในปีนี้ จะใช้กลยุทธ์ Partnership & Engagement โดยร่วมมือกับพันธมิตรกลุ่มต่างๆ และขยายฐานผู้ชมตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีใหม่ พร้อมเพิ่มรายการทั้งละคร ข่าว กีฬา และบันเทิง ทุกช่วงเวลา และขยายงานด้านNON Broadcastล่าสุดจับมือกับ ไลน์ ประเทศไทยนำละครไทยและรายการที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผ่านไลน์ทีวี ส่งผลคนดูละครเพิ่มกว่า2ล้านวิว

นอกจากนี้ ได้เพิ่มละครเช้าเย็นค่ำ รายการข่าว8ช่วงต่อวัน ช่วงไตรมาส1-2เตรียมถ่ายทอดสดกีฬาอีก2-4รายการ คือ การแข่งขันมวยสากลของสหพันธ์มวยนานาชาติ หรือ ไอบ้า (AIBA)ซึ่งเป็นการคัดเลือกนักมวยเพื่อคว้าโควต้าไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์2016ที่ประเทศบราซิล ส่วนอีกหนึ่งรายการจะเป็นการแข่งขันมวยระดับเยาวชนชิงแชมป์โลก นอกจากนี้ยังมีรายการเรียลลิตี้ฟุตบอลร่วมกับ สโมสรบาเยิร์น มิวนิค ค้นหาดาวเตะเยาวชนไทยไปเยอรมัน โดยปีนี้พีพีทีวี คาดใช้งบประมาณลงทุนราว1,000ล้านบาท

นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่าบริษัทยืนยันดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัล2ช่อง คือช่องวันและจีเอ็มเอ็ม25ต่อเนื่อง เพราะยังเห็นโอกาสการลงทุนในธุรกิจสื่อทีวี ที่ยังเป็นสื่อหลักของประเทศครองเม็ดเงินโฆษณาสูงสุดกว่า60%ของอุตสาหกรรมโฆษณา โดยทั้ง2ช่องใช้งบประมาณด้านการผลิตคอนเทนท์รวมปีละ3,000ล้านบาท ซึ่งซื้อเป็นต้นทุนสูงสุดของธุรกิจทีวี

“ช่วง2ปีนี้ แม้ทีวีดิจิทัลจะอยู่ในภาวะลำบาก แต่ยังอยู่ในแผนที่จะดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ตามยุทธศาสตร์ที่แกรมมี่วางไว้และมั่นใจว่าสามารถอยู่รอดได้ในธุรกิจนี้”

นายศิวะพร ชมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อสมท เตรียมงบประมาณการลงทุนของไว้ราว 2,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนด้านการผลิตคอนเทนท์ 700-800 ล้านบาทเพิ่มขึ้น “เท่าตัว” จากปีก่อน เน้นกลุ่มบันเทิง เกมโชว์ ข่าว และสารคดี โดยวางเป้าหมายสิ้นปี 2559 อสมท จะมีสัดส่วนของรายการบันเทิง 65% ปีนี้วางแผนเสริมรายการใหม่ต่อเนื่อง คาดว่าจะผลักดันเรทติ้งช่อง9 เพิ่มขึ้น จากปีก่อนอยู่ในอันดับ 8-9

ปีนี้ อสมท วางเป้าหมายรายได้ 4,200 ล้านบาท เติบโต 14% รายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจโทรทัศน์ประมาณ 2,000 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มผู้นำทีวีดิจิทัลตั้งแต่เริ่มต้นออกอากาศในปี2557ถึงปัจจุบัน ทั้งช่องเวิร์กพอยท์ทีวี ,ช่อง8และโมโน29

นายชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัลทีวี บริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด ผู้บริหารทีวีดิจิทัล “เวิร์คพอยท์ทีวี” เปิดเผยว่าการดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัลในปีนี้เตรียมงบลงทุนผลิตรายการ 600-700 ล้านบาท เพื่อเสริมผังรายการใหม่ในทุกช่วงเวลาตั้งแต่ต้นปีนี้ รายการไฮไลท์ประกอบด้วย ละครไพรม์ไทม์ หลังจากประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมาทำเรทติ้ง 2-3 รวมทั้ง บิ๊กฟอร์แมทจากต่างประเทศ และรายการวาไรตี้-เกมส์โชว์ วางเป้าหมายผลักดันเรทติ้งเพิ่มขึ้น 10% ทุกไตรมาส คาดสิ้นปี 2559 เรทติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศเวิร์คพอยท์อยู่ที่ระดับ 1.1-1.2 ครองอันดับ3คาดรายได้ช่องเวิร์คพอยท์ เพิ่มขึ้น 50%

นายนวมินทร์ ประสพเนตร กรรมการผู้จัดการ บริษัทโมโน บรอดคาซท์ จำกัด ในเครือโมโน กรุ๊ปผู้บริหารทีวีดิจิทัลช่องโมโน29เปิดเผยว่าบริษัทพร้อมดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัลต่อเนื่อง โดยพร้อมจ่ายเงินค่าประมูลงวดที่ 3 ในเดือน พ.ค.นี้ ตามกำหนด

โดยมองว่าธุรกิจทีวีดิจิทัลยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากงบโฆษณาฟรีทีวีปีละกว่า 60,000 ล้านบาท หากช่องโมโน สามารถทำเรทติ้งได้เพิ่มขึ้นมีโอกาสขึ้นราคาโฆษณาได้ต่อเนื่องเช่นกัน ปีที่ผ่านมามีการปรับราคาโฆษณาได้ทุกไตรมาส และมีกระแสตอบรับที่ดีจากเอเยนซีและเจ้าของสินค้าใช้พื้นที่โฆษณาเฉลี่ย 70-80% ปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 80-90%ปีนี้คาดทีวีดิจิทัลเติบโต 100-200% มีรายได้ 1,500 ล้านบาท

“โมโนกรุ๊ปมองธุรกิจทีวีดิจิทัลเป็นโอกาส จึงมีความพร้อมลงทุนต่อเนื่องปีนี้จะใช้งบกว่า 800 ล้านบาทในการซื้อและผลิตคอนเทนท์ และพร้อมจ่ายเงินค่าประมูลใบอนุญาตงวดที่3 ตามกำหนด”

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารทีวีดิจิทัล ช่อง8เปิดเผยว่าปีนี้อาร์เอสวางแผนลงทุนธุรกิจสื่อทั้งทีวีดิจิทัล ทีวีดาวเทียมและวิทยุรวม2,000ล้านบาท โดยน้ำหนักเงินลงทุน70%หรือราว1,400ล้านบาทอยู่ที่ทีวีดิจิทัล ซึ่งลงทุนผลิตละครใหม่กว่า30เรื่องรวมลงทุนกว่า1,000ล้านบาท พร้อมจับมือคอนเทนท์ โปรวายเดอร์เสริมรายการวาไรตี้ ปีนี้วางเป้าหมายผลักดันผู้ชมช่อง8เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากสิ้นปี2558เฉลี่ย4แสนคนต่อนาที เป็น7-8แสนคนต่อนาที หวังครองเรทติ้งอันดัน3 รองจากช่อง7และช่อง3หรือขยับจากอันดับ4ในปีที่ผ่านมา

นางสาวดวงกมล โชตะนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง แผนธุรกิจดิจิทัลทีวีเครือเนชั่น โดยระบุว่าปี 2559 จะเป็นปีแห่งการลงทุนด้านคอนเทนท์ ของทีวีทั้งสองช่อง คือ สถานีข่าวเนชั่นทีวี และ ช่องวาไรตี้ NOW26

โดยเตรียมเม็ดเงินลงทุนด้านคอนเทนท์สำหรับทีวีทั้งสองช่องไว้ราว 200 ล้านบาท เพื่อพัฒนาการนำเสนอข่าว และผลิตรายการคุณภาพ ซึ่งนอกจากจะคัดสรรคอนเทนท์คุณภาพระดับโลก มาให้คนไทยได้มีโอกาสรับชมของดีที่สุด ทั้งสารคดี และซีรีส์การันตีด้วยรางวัลระดับโลกแล้ว เครือเนชั่น มีแผนลงทุนผลิตสารคดี ทั้งผลิตเองโดย NOW Studio และ สนับสนุนผู้ผลิตสารคดีในประเทศให้เติบโตไปพร้อมกับช่อง และยังมีแผนสนับสนุนผู้ผลิตสารคดีในประเทศ ซึ่งมีฝีมือทัดเทียมกับสตูดิโอสารคดีระดับโลก โดยตั้งงบประมาณไว้ 60 ล้านบาท