Daily Market Outlook (11 ก.พ.59)

Daily Market Outlook (11 ก.พ.59)

ไม่แน่นอน

คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ ด้วยหุ้นสหรัฐปิดทั้งบวกและลบ หลังจากเจเน๊ต เยลเลน ประธาน Fed แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าแม้จะมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ แต่ Fed ยังคงจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้ แม้ถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้ความกังวลในเศรษฐกิจสหรัฐลดลง แต่การขึ้นดอกเบี้ยเป็นลบต่อธุรกิจและอารมณ์ของตลาด ราคาน้ำมันก็ผันผวน WTI ลดลง แต่ Brent ปรับตัวขึ้น ความกังวลต่อธนาคารยุโรปลดลงเห็นได้จากราคาหุ้น ธนาคารยุโรปปรับตัวขึ้น ทองและเงินเยน เริ่มคงตัว ในขณะที่ไม่มีปัจจัยภายในใหม่หนุนตลาด


หุ้นเด่นวันนี้: MINT (Bt35.75; NR, ราคาเป้าหมาย Bloomberg ปี 59 38.52 บาท)

บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั้นแนล เป็นบริษัทประกอบธุรกิจโรงแรมระดับโลกอย่างแท้จริงหลังจากเข้าซื้อกิจการโรงแรมและรีสอร์ทในกลุ่มทิโวลิซึ่งมีฐานในประเทศโปรตุเกสได้สำเร็จ ช่วยให้ MINT สามารถขยายเครือข่ายไปในประเทศเขตยุโรปและละตินเมริกา ด้วยการครอบครอง 14 โรงแรมในเครือทิโวลิ มูลค่า 294.2 พันล้านยูโร (11 พันลบ.) ทำให้บริษัทมีโรงแรมในพอร์ตจำนวน 145 แห่งใน 22 ประเทศ แนวโน้มกำไรที่สดใสของ MINT ใน 2-3 ปีข้างหน้าเกิดจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในประเทศไทย ในออสเตรเลีย ธุรกิจรับบริหารโรงแรม รายรับจากโรงแรมใหม่ที่เพิ่งซื้อมา ตลอดจนธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยและจีน เรายังคาดว่ากำไรไตรมาส 4 ปีนี้จะดีขึ้นในทุกธุรกิจและน่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีด้วยจากการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย MINT ยังจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ The Residences by Anantara at Layanที่มีมูลค่าโครงการรวม 5 พัน ลบ. นับตั้งแต่ไตรมาส 4/58 เป็นต้นไป จากการรวบรวมของ Bloomberg นักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยคาดกำไรต่อหุ้นของ MINT เติบโต 9% ในปีนี้และเร่งขึ้นเป็น 24% ในปี 2559 ในทางเทคนิคอล รูปแบบราคาของ MINT ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจากสัญญาณซื้อรายเดือนและได้เกิดสัญญาณซื้อรายวันด้วยแต่ก็ยังคงโดนกดดันจากสัญญาณขายรายสัปดาห์อยู่ หากราคาหุ้นสามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 36.25 บาทในวันศุกร์ก็จะกลับมาเกิดสัญญาณซื้อรายสัปดาห์อีกครั้งราคาหุ้นน่าจะขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 37.25 บาทก่อนจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 38.75 บาท จุดตัดขาดทุนอยู่ที่ 35.00 บาท (แนวต้าน: 36.00, 36.25, 36.75; แนวรับ: 35.50, 35.00, 34.75)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• หนุนเอสเอ็มอีเพิ่มการส่งออก รมว.กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับหอการค้าไทย, สภาอุตสาหกรรม, สมาคมธนาคารไทยและสภาผู้ขนส่งสินค้าทางเรือ ด้วยงบประมาณ 400 ลบ. เพื่อสนับสนุนเอสอ็มอีในโครงการ SMEs Pro-active ในขั้นต่อไปที่จะเพิ่มขีดความสามารถแก่ธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางให้สามารถส่งออกสินค้าและบริการไปในอาเซียน จีน ญี่ปุ่นและอียู ได้เพิ่มมากขึ้น (Bangkok Post)

• ธนาคารเอสเอ็มอีขยายเวลาการขอสินเชื่อ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงค์) ได้ขยายเวลาสำหรับมาตราการการปล่อยสินเชื่อวงเงิน 1.5 หมื่นลบ. จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. นี้ หลังจากมีการปล่อยกู้เพียงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเอสเอมอีที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและเป็นการสนับสนุนธุรกิจคิดค้นนวัตกรรมขนาดเล็กที่มีศักยภาพเติบโตเป็นธุรกิจขนาดกลางรวมถึงบริษัทที่เน้นการทำธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (Bangkok Post)

• อุตสาหกรรมโฆษณาจะเติบโตด้วยเม็ดเงินใช้จ่ายของรัฐ สมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศและเม็ดเงินใช้จ่ายของรัฐจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมโฆษณาให้เติบโตมากกว่า 4% ในปีนี้ต่อเนื่องจากการเติบโตในปีที่แล้วที่ 4% เป็น 1.32 แสนลบ.ในปี 58 (Bangkok Post)

• BBL (ปิด 149.50 บาท ราคาเป้าหมายปี 59 ที่ 188.00 บาท) หลังจากที่บริษัท ไทยทีวี จำกัด ได้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตทีวีดิจิตอลเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา BBL จะมีการถามไทยทีวีในเรื่องของการปรับโครงสร้างหนี้ถ้า กสทช.ยืนยันให้ทางบริษัทจ่ายค่าประมูลที่เหลือ โดยกสทช.จะเข้าพบกระทรวงการคลังอาทิตย์หน้าเพื่อที่จะหารือในเรื่องการคืนใบอนุญาตและการจ่ายเงินที่ล่าช้า (Bangkok Post)ความเห็น: ประเด็นดังกล่าวยังไม่น่าจะสร้างความกังวลให้กับธนาคารในตอนนี้เพราะหนี้จำนวนนี้ยังไม่ถือเป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อีกทั้ง BBL ยังต้องมีการพูดคุยกับทางไทยทีวีและต้องรอมติจาก กสทช.

• JAS (2.92 บาท) ที่ประมูลใบ 900 เมกะเฮิร์ตซ์นั้นเกินวงเงินที่ BBL (149 บาท ราคาเป้าหมาย 188 บาท) เคยอนุมัติไว้ที่ 4 หมื่น ลบ. ไปเยอะ แม้ว่าตามเกณฑ์แล้ว BBL จะสามารถปล่อยกู้ JAS คนเดียว 7.57 หมื่น ลบ. ได้แต่ธนาคารก็ต้องดูแผนที่ชัดเจนกว่านี้ว่าบริษัทจะมีความสามารถชำระคืนได้แค่ไหน ทั้งนี้ JAS อาจเสียใบอนุญาตทั้งหมดที่ได้มาจาก กสทช.ถ้าธนาคารไม่สามารถจ่ายชำระค่างวดแรกพร้อมยื่นแบงก์การันตีได้ แหล่งข่าวกล่าวว่าผู้บริหาร JAS ได้เข้าไปคุยกับยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมในสิงคโปร์และมาเลเซียเพื่อการเป็นหุ้นส่วน (Bangkok Post) ความเห็น: ไม่ว่า JAS จะจ่ายได้หรือไม่ก็ตาม อนาคตของบริษัทก็ดูจะแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ต่อให้ JAS ได้พันธมิตร เราคิดว่าพันธมิตรก็น่าจะเอาเปรียบ JAS ได้จากการถือไพ่เหนือกว่าจากเวลาที่จำกัด ขณะเดียวกัน BBL ก็ได้แสดงสัญญาณการไม่อยากปล่อยกู้ JAS คนเดียวออกมาอีกด้วย

ต่างประเทศ

• นางเยลเลน: เฟดมองเห็นถึงความเสี่ยงแต่จะไม่เปลี่ยนแผน: เฟดจะไม่เปลี่ยนแผนที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ถึงแม้การปล่อยสินเชื่อจะเข้มงวดขึ้น ตลาดการเงินผันผวนและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนได้เพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐก็ตาม จากถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ต่อสมาชิกสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ ประธานเฟดคาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังดำเนินต่อไปจะทำให้เฟดสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ แต่ความเห็นดังกล่าวก็เปิดช่องทางในการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตด้วย (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้นเมื่อวันพุธเนื่องจากตลาดหุ้นมีความเสถียร ซึ่งลดความต้องการสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และก่อนที่จะถึงกำหนดขายพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี จำนวน 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีล่าสุดลดลง 4/32 และให้อัตราผลตอบแทน 1.74% เพิ่มขึ้นจาก 1.72% ในช่วงท้ายของวันอังคาร (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐขยับขึ้นเมื่อวันพุธ ไต่จากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 เดือนเทียบเงินสกุลหลักอื่น ๆ หลังจากที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดแถลงว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. นี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 0.25% อยู่ที่ 96.324 จุด ซึ่งแตะระดับต่ำสุดนับแต่เดือน ต.ค. เมื่อวันอังคาร (Reuters)

สหรัฐ:

• ตลาดวอลล์สตรีทปิดทรงตัวเมื่อวันพุธ จากความเห็นของนางเยลเลน ประธานเฟดซึ่งเปิดช่องสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตแต่เห็นถึงความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก ช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นหลังจากลดลงติดต่อกัน 7 วันเมื่อวันพุธ ซึ่งได้รับปัจจัยกระตุ้นจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งและสถานการณ์แวดล้อมที่สงบขึ้นของกลุ่มธนาคารยุโรปซึ่งเห็นการฟื้นของราคาหุ้นดอยช์แบงก์จากที่แตะระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปี (Reuters)

เอเชีย:

• ตลาดการเงินญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้เนื่องจากเป็นวันระลึกถึงการก่อตั้งประเทศญี่ปุ่น (National Foundation Day) ตลาดจะกลับมาเปิดทำการซื้อขายในวันศุกร์นี้ (Reuters)

• ญี่ปุ่นกล่าวเมื่อวันพุธว่าพวกเขากำลังออกมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อเกาหลีเหนือ หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงจรวดส่งดาวเทียมซึ่งถูกมองว่าเป็นการกระทำบังหน้าเพื่อทดสอบเทคโนโลยีขีปนาวุธที่อาจสามารถใช้ส่งหัวรบนิวเคลียร์ได้ ข่าวดังกล่าวออกหลังจากการประกาศของเกาหลีใต้ว่าจะหยุดการดำเนินผลิตของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมที่ดำเนินกิจการร่วมกันในเกาหลีเหนือ เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อตัดแหล่งรายได้สำคัญของเกาหลีเหนือ (Reuters)

• ตลาดการเงินจีนปิดทำการตั้งวันที่ 8-12 ก.พ. เนื่องจากเป็นเทศกาลตรุษจีน และจะกลับมาทำการซื้อขายในวันที่ 15 ก.พ. (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบขึ้นลงผันผวนวันพุธ โดยน้ำมันดิบสหรัฐร่วงแต่ Brent กลับขึ้นจากความกังวลตัวเลขสต็อกน้ำมันโลกที่ล้นเกิน ถูกหักล้างโดยตัวเลขสต็อกน้ำมันสหรัฐที่ลดลง น้ำมันดิบสหรัฐปรับลง 9 เซนต์ ปิดที่ 27.85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล Brent ส่งมอบ เม.ย. ปรับขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ไปแตะ 31.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะลงมาปิด 31.06 ดอลลาร์ (Reuters)

• น้ำมันดิบคงคลังสหรัฐร่วง 7.54 แสนบาร์เรลในรอบสัปดาห์สิ้นสุด 5 ก.พ. หลังขึ้นไปทำสถิติสองสัปดาห์ติดจากข้อมูลของ EIA ที่ออกมาวันพุธ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่ม 3.6 ล้านบาร์เรล โดยเป็นการลงเพียงครั้งที่ 4 นับแต่สิ้น ก.ย. น้ำมันดิบที่ Cushing รัฐ Oklahoma ซึ่งเป็นศูนย์กลางการส่งมอบสำหรับสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากลับเพิ่มขึ้น 5.23 แสนบาร์เรลไปทำสถิติที่ 64.7 ล้านบาร์เรล EIA กล่าว (Reuters)

• ราคาทองยืนต่ำกว่าจุดสูงสุดรอบ 7 เดือนครึ่งหลังประธาน Fed กล่าวว่าน่าจะปรับนโยบายการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไป ราคาทองคำตลาดจรบวกหักล้างจากการเป็นลบก่อนหน้า สุทธิแล้วเพิ่มขึ้น 0.1% แตะ 1,189.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)