QTC - ซื้อ

QTC - ซื้อ

ปี 58 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 114% ส่วนปี 59 เป็นปีที่ท้าทาย

ประเด็นสำคัญในการลงทุน : 

ปี 2558 บริษัทมีกำไรสุทธิสูงเทียบเท่าช่วงปี 2555 ที่ 119 ล้านบาท : 4Q58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 81 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 78%QoQ และทรงตัว YoY จากการเร่งซื้อสินค้าในช่วงปลายปีจากผู้ประกอบการในกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ที่ต้องดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเสร็จภายในปลายปีที่แล้ว รวมถึงงานจากภาครัฐที่เข้ามามากขึ้นหลังจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองยุติลง อย่างไรก็ตามงานภาครัฐมีอัตรากำไรขั้นต้นไม่สูงนักจึงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นช่วง 4Q58 ปรับลดลงเล็กน้อยจาก 29% เหลือ 26% ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2558 ปรับตัวขึ้น 114% เท่ากับ 119 ล้านบาทซึ่งเป็นกำไรสุทธิที่สูงในระดับเดียวกับช่วงปี 2555 หลังจากปรับลดลงต่อเนื่องในปี 2556-2557

ปี 2559 ผู้บริหารตั้งเป้าสร้างรายได้ 1,200 ล้านบาท : แม้ว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิที่สูงในช่วงปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามปี 2559 ยังคงเป็นปีที่ท้าทายเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจต่างประเทศที่อ่อนแอลงซึ่งมีโอกาสทำให้แผนการรุกตลาดต่างประเทศไม่เป็นไปตามเป้า นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่ามากขึ้นจะเป็นแรงกดดันต่อรายได้ที่ได้รับจากตลาดต่างประเทศรวมถึงต้นทุนที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นหากราคาน้ำมันตลาดโลกมีการฟื้นตัวจากจุดต่ำ ทั้งนี้บริษัทยังคงคาดว่าจะสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้มากขึ้นจากการเปิด AEC ที่ช่วยปลดล็อกเงื่อนไขทำให้สามารถส่งออกได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเติบโตในด้านโรงงานและคอนโดมิเนียมจะเป็นแรงหนุนให้รายได้เป็นไปตามเป้า ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิปี 2559 เท่ากับ 118 ล้านบาททรงตัวจากปี 2558

คาดกำไรสุทธิ 1Q59 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญตามฤดูกาล : ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิในช่วง 1Q58 จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังจากการเปิดประมูลโครงการต่างๆ มักเกิดในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะมีการเปิดประมูลช่วง ม.ค.-มี.ค. สำหรับโครงการส่วนไฟฟ้าภูมิภาคมูลค่าราว 2 พันล้านบาทและของการไฟฟ้านครหลวงช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. มูลค่าราว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งหากบริษัทได้รับงานดังกล่าวจะรับรู้ได้ในช่วง 2H59 โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับงานจากงานประมูลทั้งสองนี้ราว 10% จากมูลค่าทั้งหมด

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย เท่ากับ 7.00 บาท : แม้ว่าในปี 2559 บริษัทจะเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจรวมถึงราคาน้ำมันที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นซึ่งจะส่งผลลบต่อกำไรสุทธิ อย่างไรก็ตามการใช้กลยุทธ์ Cost Plus ทำให้คาดว่าบริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนักโดยราคาเหมาะสมสำหรับปี 2559 ซึ่งประเมินจาก Prospect PER ที่ 12 เท่าและ EPS ปี 2559 ที่ 0.58 ได้เท่ากับ 7.00 บาทสูงกว่าราคาปิดปัจจุบัน ฝ่ายวิจัยจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ทั้งนี้บริษัทประกาศจ่ายปันผล 0.32 บาทคิดเป็นผลตอบแทน 5.6% กำหนดวันขึ้น XD 5 เม.ย. 2559 และจ่ายปันผลวันที่ 28 เม.ย. 2559