'สมคิด'ดึงเอกชนผนึกกำลัง เพิ่มศักยภาพเอสเอ็มอีไทย

'สมคิด'ดึงเอกชนผนึกกำลัง เพิ่มศักยภาพเอสเอ็มอีไทย

"สมคิด" ดึงหน่วยงานรัฐ – เอกชน กว่า 60 องค์กร เดินหน้ายกทัพผนึกกำลังเพิ่มศักยภาพเอสเอ็มอีไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนนตรี เป็นประธานลงนามความร่วมมือ “พลังประชารัฐ” เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SME Start Up และส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนเพื่อสังคม โดยเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการเงิน และสถาบันการศึกษา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย 60 องค์กร เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ฐานความรู้ปรับปรุงกิจการ นำความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม โดยมอบหมายให้ผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาเป็นผู้ประกอบการเริ่มต้นธุรกิจใหม่

สำหรับผู้ประกอบที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้ คือ เอสเอ็มอี เพราะในช่วง 5 ปีผ่านไปหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเริ่มใหัความสำคัญดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมากขึ้น จากนี้จะต้องดูแลผู้เริ่มต้นกิจการใหม่ให้เข้มแข็ง โรงเรียน มหาวิทยาลัยต้องเป็นจุดกำเนิดในการส่งเสริมผู้ประกอบการ บ่มเพาะผู้มีแนวคิดทำธุรกิจ เพื่อหนุนให้เป็นผู้ประกอบการนอกจากการเป็นแรงงานรับจ้าง เดือนหน้ามอบหมายให้หลายหน่วยงานร่วมจัดงาน “ไทยแลนด์ Start Up” ในกรุงเทพฯ จากนั้นจะกระจายจัดงานไปทั่วประเทศและให้ส่วนราชการรวมศูนย์การช่วยเหลือผู้ประกอบการร่วมกัน

ทั้งนี้ มอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ธนาคารออมสิน เตรียมเงินทุน 3,000-4,000 ล้านบาท รองรับความต้องการของผู้ประกอบการ เพื่อสร้างเอสเอ็มอีเป็นบริษัทขนาดใหญ่มุ่งสู่ตลาดโลก เพื่อให้เอสเอ็มอีภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเติบโตก้าวไปได้ ต้องอาศัยภาควิชาการ ภาคประชาชน ภาคธุรกิจ มาร่วมมือกัน เช่น เอกชนต่างชาติเข้ามาเหมาสวนทุเรียนไทย กล้วยหอมไทย นำไปแปรรูปขายราคาแพงในตลาดต่างประเทศ จึงต้องการส่งเสริมเอสเอ็มอีภาคเกษตรบุกตลาดต่างประเทศได้เอง เพื่อเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส จึงต้องการให้พลังประชารัฐพลิกวิกฤติเมืองไทย เพื่อก้าวสู่ไทยแลนด์สปริงอัพ คาดว่า ครม.จะพิจาราอนุมัติเงินทุนสนับสนุนในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า เอกชนที่ต้องการเริ่มทำธุรกิจใหม่ต้องการความช่วยเหลือ 4 ด้าน คือ การตลาด การเพิ่มประสิทธิการผลิต การลดต้นทุน และเงินทุนหมุนเวียน การลงนามครั้งนี้จะมีโครงการพี่ช่วยน้อง โครงการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โครงการส่งเสริมเอสเอ็มอีก้าวสู่ตลาดสากล เพื่อชี้ช่องทางจำหน่าย การส่งเสริมช่องทางการตลาดอี-คอมเมิร์ซ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมและเศรษฐกิจฐานราก คาดว่าจะช่วยผลักดันให้จีดีพีของเอสเอ็มอีเติบโตจากร้อยละ 37 มีสัดส่วนเพิ่มเป็นร้อยละ 50 ของจีดีพีทั้งหมดภายใน 5 ปี ข้างหน้า