'มีชัย'ชี้เสนอนายกฯอยู่ที่พรรคเลือก

'มีชัย'ชี้เสนอนายกฯอยู่ที่พรรคเลือก

"มีชัย" ชี้เสนอนายกฯอยู่ที่พรรคเลือก เชื่อส.ว.สรรหาอาชีพ ปลอดการเมือง ปัดเพิ่มอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อเวลา13.00น. ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้าจัดสัมมนา “การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับร่างเบื้องต้น)  

โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. กล่าวปาฐกถาเรื่องหลักการสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้นตอนหนึ่งว่า เมื่อก่อนออกเสียงเลือกตั้งเหมือนแทงหวย ผิดถูกกิน ถูกได้รางวัล แต่มีอีกอย่างหนึ่งคือหวยสลากออมสิน แม้ไม่ถูกเงินก็ยังอยู่ ทำอย่างไรให้คะแนนประชาชนไม่ถูกทิ้ง ไม่ใช่ลักษณะชนะเอาไปหมด กรธ.ทำอย่างไรให้ทุกคะแนนมีสัดส่วนตามที่ประชาชนเลือกจริง เป็นที่มาระบบจัดสรรปันส่วน เพื่อใช้ ส.ส.บัญชี ไปโปะให้พรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงประชาชนด้วยวิธีนี้เป็นการบังคับพรรคเลือกคนดีในสายตาประชาชนเวลาเสนอใครเป็นนายก ต้องประชุมพรรค ไม่ใช่ผู้บริหารพรรคมุบมิบกันเอง ส่วนที่มีคนกล่าวหาว่า กรธ.เอานายกฯคนนอกนั้น คำตอบคือ ไม่ เราไม่ได้เอานายกฯคนนอก พรรคการเมืองต่างหาก ถามว่าทำไมเราไม่เขียนห้าม วันที่บังคับประกาศชื่อถือว่ายังไม่มี ส.ส.พรรคประกาศมาสามชื่อแต่ถ้าสอบไม่ได้ตกไปพรรคการเมืองจะคิดอ่านอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา แค่นี้คิดกันเองไม่ได้แล้วจะบริหารประเทศได้อย่างไร

นายมีชัย กล่าวต่อว่า เวลาประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งย่อมรู้ว่าคนนี้เป็นอย่างไร พรรคมีนโยบายอย่างไรจะเอาใครเป็นนายกฯ เมื่อไปเลือกตั้งประชาชนจะรู้ข้อมูลตื้นลึกหนาบาง ไม่ใช่ลงคะแนนเสร็จแล้วเป็นเรื่องของพรรคการเมือง โดยประชาชนเข้ามาทำหน้าที่การเมืองเสียเองจากที่เราเคยใช้ผ่านพรรคการเมือง ครั้งนี้เราคิดว่าส.ว. ต้องปลอดจากการเมือง เพื่อให้คิดคนละทิศทางกับพรรค ส.ว.จะคิดภาพรวมของประเทศ เราจึงกำหนดโดยตลอดว่า ส.ว. ไม่สังกัดหรืออยู่ใต้อาณัติพรรคการเมือง ที่ผ่านมาเวลาเลือกตั้งส.ว.ต่างอิงให้พรรคการเมืองช่วยหาเสียง เมื่ออิงเช่นนั้นจะปลอดจากพรรคได้อย่างไร เราคิดว่าเอาประชาชนมาเป็น ส.ว. เองเลยดีหรือไม่ ไม่ต้องสังกัดพรรคให้เลือกกันเอง ใครอยู่สาขาอาชีพใดให้สมัครในอาชีพของตัวเอง ส่วนข้อกล่าวหาว่าจะมีฮั้วกันหรือไม่นั้น กรธ.คิดว่าถ้าเราจัดสลับเลือกการฮั้วจะเกิดขึ้นได้ยาก ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ คิดว่าวุฒิสภาจะเป็นโฉมหน้าใหม่ เราจะได้รับฟังความเห็นอันหลากหลายจากที่คนที่เป็นประชาชนจริงๆ

นายมีชัย กล่าวอีกว่า เรื่องศาลรัฐธรรมนูญ บางคนไปไกลว่ากรธ.ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญเกินไปนั้น ซึ่งมโน เราก็ต้องถนอมศาล เพราะศาลจะวินิจฉัยได้ต่อเมื่อมีคนไปฟ้องไม่ใช่ให้ศาลไปหยิบคดีมาพิจารณาเอง เราให้ศาลมีอำนาจตามปกติ สิ่งเดียวที่เพิ่มขึ้นคือให้พิจารณาความผิดขององค์กรอิสระด้วยกัน อีกทั้งเราเขียนเปิดว่าถ้าระหว่างองค์กรมีปัญหากันไม่ต้องรอถึงขั้นทะเลาะกันก็สามารถไปถามศาลได้ เหมือนเปิดรูไม่ให้อัดอั้นจนระเบิด อีกประเด็นเรานึกขึ้นได้ว่าทั่วโลกจะมีจริยธรรมทางการเมืองหรือความรับผิดชอบทางการเมืองแต่ของเราไม่มี เราคิดว่าถึงเวลาหรือยังที่จะลอกจริยธรรมของคนอื่นมาเพื่อให้มีกฎกติการู้ว่าสิ่งนี้พึงทำหรือไม่ ดังนั้นกรธ.จึงให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระทั้งหมดมาประชุมกันเพื่อจัดทำมาตรฐานจริยธรรม แล้วให้บอกเลยว่าเรื่องไหนร้ายแรงหรือเรื่องไหนตบหัวเบาๆเตือนว่าอย่าทำอีกนะ พอสร้างขึ้นมาก็อยากให้ใช้กับ ส.ส. ส.ว. และครม. ไม่ใช่แค่องค์กรอิสระ แต่ถ้าสร้างฝ่ายการเมืองไม่มีส่วนรู้เห็นก็ไม่ได้ จึงกำหนดว่าทำแล้วส่งให้ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติเห็นชอบ 

นายมีชัย กล่าวว่า กลไกตัดสินผิดถูก ไม่ใช่เรื่องของการเลือกตั้ง ไม่มีที่ไหนในโลกที่ ป.ป.ช. กกต.หรือศาลรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้ง คนที่จะตัดสินความผิดต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์เชื่อถือได้ กรธ.ได้ขยับเอาคนที่มีประสบการณ์และกำหนดการสรรหาให้เป็นกลางมากขึ้น ถ้านักการเมืองมีเจตนาดีต่อบ้านเมืองต้องสรรหาคนที่เป็นกลางไม่ใช่คนที่เป็นพวก คุณสมบัติเบื้องต้นคือสุจริตเป็นที่ประจักษ์ กล้าหาญใช้ดุลพินิจปราศจากอคติ ยืนยันว่า ทั้งหมดที่ทำมาเป็นความตั้งใจจริง ตามความรู้ความสามารถของกรธ.21คน มีบางส่วนยังไม่ถึงใจหรืออยากได้เพิ่ม นั่นคือประโยชน์ที่เราจะใช้ช่วงเวลานี้ในการเอาความคิดเห็นไปปรับใช้ เราต้องไปดูว่าอะไรดีที่สุดสำหรับประเทศ เราก็จะไปทางนั้น เพราะรัฐธรรมนูญใช้กับคนทั้งประเทศไม่ใช่ฝ่ายการเมืองหรือแค่คนบางคน ถ้าเขียนให้น้ำหนักไปทางใดทางหนึ่งประเทศก็ไม่สงบสุข แต่บางเรื่องตามใจใครไม่ได้ อย่างเรื่องปราบทุจริต 

นายมีชัย กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นสิทธิเสรีภาพที่เป็นห่วงกันคือเรื่องสิทธิชุมชนที่ดูเหมือนว่ากรธ.ตัดออก ซึ่งไม่จริง กรธ.แค่ไม่ได้เขียนเจาะจง แต่เขียนให้ครอบคลุม เหมือนห้องหนึ่งที่ใช้ฮีทเตอร์แก้ความหนาวแต่ไม่ได้ใช้ผ้าห่ม พอคนที่เคยชินอยากได้ผ้าห่ม ถ้าเขียนไว้คงไม่น่าจะเสียหายอะไร ถ้าเขียนแล้วรู้สึกว้าเหว่เราก็จะไปเขียนให้ตามความเคยชินก็ได้ อย่างไรก็ตามถ้ามีข้อสงสัยขอให้เปิดดูถ้อยคำในรัฐธรรมนูญว่าเป็นจริงอย่างที่คนพูดกันหรือไม่ ประเทศไทยมักจะมีนิสัยที่อะไรที่ยาวๆไม่ค่อยอ่านฟังอย่างเดียว แต่เวลาฟังไม่รู้หรอกว่าคนจะพูดตามที่หนังสือเขียนหรือไม่ บางทีบิดจากขาวเป็นดำไปเลยจะง่ายกว่าหรือไม่ถ้าเปิดดูว่าเป็นจริงเช่นนั้นหรือไม่ ถือเป็นความกรุณามหาศาลต่อกรธ.