ทดสอบแนวรับ 1300 จุดอีกครั้ง

ทดสอบแนวรับ 1300 จุดอีกครั้ง

เก็บสะสมหุ้นกลุ่มรับเหมา พลังงานปลายน้ำ อสังหาฯ อาหาร และวัสดุก่อสร้าง ที่ราคาไม่แพงและมีพื้นฐานดี มี story

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA  :  ทดสอบแนวรับ 1300 จุดอีกครั้ง

ตลาดไทยเมื่อวานนี้มี PTT ที่ราคาหุ้นเด้งขึ้นเล็กน้อยมาช่วยหนุนก่อนปิดตลาด ทำให้ดัชนีปิดลบเพียง 3 จุด อย่างไรก็ตาม ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มจะย่อลงต่อ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ยังคงเบาบาง ปัจจัยกดดันได้แก่ ราคาน้ำมันที่อ่อนแอในช่วงนี้ โดยเรามองว่าน้ำมันยังคงเป็นขาลง หากไม่สามารถกลับมายืนเหนือ 35 เหรียญต่อบาเรลได้ และความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนและสหรัฐยังคงกดดัน sentiment แนะนำติดตามคำแถลงการของนางเจเนต เยลเลนในวันนี้และพรุ่งนี้ เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด กลยุทธ์แนะนำขายหากดัชนีเข้าใกล้ 1310 จุดเพื่อรอซื้อใหม่หากดัชนีย่อลงต่ำกว่า 1290 จุด

แนวรับ/แนวต้าน : 1300/1320 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

กลยุทธ์ : เก็บสะสมหุ้นกลุ่มรับเหมา พลังงานปลายน้ำ อสังหาฯ อาหาร และวัสดุก่อสร้าง ที่ราคาไม่แพงและมีพื้นฐานดี มี story หนุนเป็นรายตัว หลีกเลี่ยงกลุ่มพลังงานต้นน้ำและสื่อสารไปก่อน

นักลงทุนระยะสั้น : CI (2.80), BR (8)

CI (2.80) โดยเราคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการตั้งกอง REIT โครงการศรีพันวามูลค่า 1 พัน 4 ร้อยล้านบาท และมีรายได้และกำไรโตก้าวกระโดดในไตรมาส 4 ปี 58และไตรมาส 1 ปี 59 รวมไปถึงทั้งปี 59 จากการโอนคอนโดและโครงการบ้านเดี่ยวตามนโยบายกระตุ้นการโอนของรัฐบาลในปีนี้

BR (8) เป็ดน้อยกำลังเติบโตเป็นเป็ดใหญ่ ด้วยการเริ่มขยายกำลังการผลิตที่จังหวัดสระแก้วในปีนี้ และการขยายธุรกิจไปยังประเทศอินโดนีเซียในไม่ช้านี้ จะช่วยขยายตลาดส่งออกของ BR อย่างชัดเจน นอกจากนี้เราคาดราคาเป็ดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 58 และคู่แข่งจะแข่งขันในเชิงราคาน้อยลง นอกจากนี้ยังมีการเจรจากับโอปองแปงและ Mcdonalds ผลิตอาหารประเภทเป็ดใหม่ๆ gross margin สูงใกล้ๆ 30% น่าลองไปชิมดูนะครับ

นักลงทุนระยะยาว : SYNTEC (3.80), CK (34)

SYNTEC (3.80) สำหรับหุ้นรับเหมาขนาดเล็กตอนนี้ Top pick ของเราเป็นหุ้นพื้นฐานดี ปันผลมั่นคงคือ SYNTEC มี margin สูงและมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ทำให้งบไตรมาส 4 จะดีต่อเนื่องจากงบไตรมาส 2และ3 ที่ดีอยู่แล้วโดยทั้งปี 58 การรับงานทั้งปีจะสูงใกล้เคียง 1 หมื่นล้านบาทถือว่าเติบโตชัดเจนจากปีก่อน นอกจากนี้ยังมีแผนประมูลงานเพิ่มอีกในช่วงระยะสั้นนี้ได้แก่งาน CPN, NOBLE, SUPALAI บวกกับแผนการขยายส่วนต่อรถไฟฟ้าของรัฐบาลระยะยาวก็ช่วยให้มีการสร้างคอนโดเพิ่มและประมูลงานก่อสร้างเพิ่ม ทำให้มีรายได้มาเพิ่มระยะสั้นถึงยาวให้ SYNTEC

CK (34) (1)Mega projects เช่นรางคู่และการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มจะช่วย earnings ให้เติบโตสูง 15% ในปี 2559 (2)การควบรวมกิจการของบริษัทลูก BMCL & BECL (3)นอกจาก projects ของรัฐบาลยังมีโครงการของบริษัทลูก เช่น CKP มีโครงการน้ำบาก (Hydroelectric dam) ในประเทศลาว 1หมื่น7พันล้านบาท กำลังเจรจาน่าจะเซ็นสัญญา Q1 ปี 2559 (4)Q3 & Q4 ของปี 2558 sale & earnings ไม่ค่อยดี แต่โครงการ mega projects จะชัดเจนมากขึ้นปี 2559 ทั้งการประมูลและการก่อสร้างจริง ดังนั้นช่วงนี้เป็นโอกาสดีในการเริ่มเก็บสะสม CK (5)ราคาปัจจุบันให้ upside สูงกว่าคู่แข่งทั้ง ITD และ STEC

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ "บิ๊กตู่" ไฟเขียวแผน 9 ปี ปูพรมโครงสร้างพื้นฐาน 1.25 แสนล้าน ปี 2558-2567 ลุยเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนระยะ 2 เชียงราย-นครพนม-กาญจนบุรีนราธิวาส หลังงบประมาณปี 2560 ผ่านฉลุย 155 โครงการ วงเงิน 1.5 หมื่นล้าน ด้านท้องถิ่น-รับเหมาขานรับช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโต ดูดนักลงทุนเข้าพื้นที่ และกระจายงานทั่วถึง

+ กกร.เผยสมาชิก 90% หนุนรัฐบาลดันไทยเข้าร่วม "ทีพีพี" ระบุได้ประโยชน์มากกว่าเสียเหตุสมาชิกทีพีพีคู่ค้าหลัก เสนอดึงกองทุนเอฟทีเอ ช่วยกลุ่มได้รับผลกระทบ "อิสระ" เชื่อดันจีดีพีเพิ่ม 0.77% หากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เข้าร่วมจะเพิ่มเป็น 1.06% ตั้งไทย "อาเซียน ฮับ "ดึงการค้า-ลงทุน-บริการประสานผลประโยชน์ 10 ชาติสมาชิก

+ สงครามชิงลูกค้า 4G ค่ายมือถือหนุนผู้บริโภคเปลี่ยนเครื่องใหม่ ฉุดงานฮาร์ดเซลแรกของปี "โมบายเอ็กซ์โป 2016" เงินสะพัด 1.4 พันล้าน เอ็มวิชั่นเผยผลสำรวจล่าสุด ลูกค้าหา "เครื่องสเปกแรง-ราคาไม่เกินหมื่น" ชี้เข้าทางค่ายไอที-แบรนด์จีน ขณะที่ค่ายทรูมูฟเอช อัดแคมเปญลดราคาซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 5 ลง 8 พันบาท ลูกค้าซื้อเครื่องเปิดเบอร์ใหม่

- ผู้ค้าก๊าซแอลพีจี เตรียมรวมหัวนำเข้าแอลพีจีล็อตใหญ่ หลังภาครัฐเปิดเสรีนำเข้าเพิ่มทางเลือกในการทำธุรกิจ จากที่ปตท.ผูกขาดเพียงเจ้าเดียว แถมราคาต่ำกว่า หวังชิงส่วนแบ่งการตลาดที่ ปตท.ครองอยู่ 35% ด้าน "สยามแก๊ส" เผยมีความพร้อมนำเข้าแล้ว 2.2-4.4 หมื่นตัน ขณะที่กรมธุรกิจพลังงานไฟเขียวให้ "พีเออี" นำเข้าแอลพีจี 2 พันตัน ใน ก.พ.นี้ ส่วน ปตท.พร้อมรับมือแข่งขัน

ปัจจัยต่างประเทศ

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,014.38 จุด ลดลง 12.67 จุด หรือ -0.08%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 ก.พ.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนแรงลงด้วย ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพและกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบได้ช่วยสกัดแรงลบของตลาดในระหว่างวัน

- ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 57.17 จุด หรือ 1.00% ที่ 5,632.19 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2555 เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง

- ดัชนีนิกเกอิร่วง 918.86 หรือ 5.4% ปิดที่ 16,085.44 จุด

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงอย่างหนัก เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งจุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

+ สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน มี.ค.ปิดร่วงลง 1.75 ดอลลาร์ หรือ 5.9% แตะที่ระดับ 27.94 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้ นอกจากนี้ IEA ระบุว่า ภาวะน้ำมันล้นตลาดจะยังคงอยู่ต่อไปในปีนี้ ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ไม่มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตร่วมกับผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม