พาณิชย์ส่งสำนวนเอาผิดทางแพ่ง คดีจำนำข้าวกว่า1.8หมื่นล.

พาณิชย์ส่งสำนวนเอาผิดทางแพ่ง คดีจำนำข้าวกว่า1.8หมื่นล.

"พาณิชย์"ส่งสำนวนคดีเอาผิดทางแพ่งเอกชน 15 ราย เรียกค่าเสียหายกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท จากการระบายข้าวในโครงการจำนำข้าวถึงมืออัยการแล้ว

แหล่งข่าวสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึง การพิจารณาสำนวนเอกสารหลักฐานของกระทรวงพาณิชย์ ที่สรุปค่าเสียหายทางแพ่งให้เอกชน ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายการระบายข้าวในโครงการจำนำข้าวกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อัยการได้รับสำนวนเอกสารหลักฐานจากกระทรวงพาณิชย์และอัยการได้ประชุมหารือ 2 ครั้งแล้ว สรุปว่า กลุ่มเอกชนดังกล่าวที่กระทรวงพาณิชย์สรุปมา 15 ราย เป็นกลุ่มเดียวกับที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องแล้วในสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำ อม.25/2558 ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธาน อนุ กก.พิจารณาระบายข้าว กับอดีตนักการเมือง3ราย , ข้าราชการการเมือง3ราย และเอกชนที่่เป็นนิติบุคคลกับกรรมการผู้มีอำนาจ 15 ราย รวมจำเลย 21 ราย 

ดังนั้นอัยการ จะยื่นเป็นคำร้องเพิ่มเติมต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้เอกชนดังกล่าวทั้ง 15 ราย คือ จำเลยที่ 7 - 21 ในคดีหมายเลขดำ อม.25/2558 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งเพิ่มเติม เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาสั่งเอกชน ชดใช้ต่อกระทรวงพาณิชย์ ผู้เสียหาย โดยกระทรวงพาณิชย์ มอบอำนาจให้อัยการสูงสุด เป็นผู้แทน ดำเนินการทางกฎหมาย 

ขณะที่การยื่นคำร้องเพิ่มเติมทางแพ่งในส่วนของการชดใช้ค่าเสียหายนี้ คาดว่าจะดำเนินการก่อนที่จะถึงวันนัดไต่สวนพยานครั้งแรก คดีที่ยื่นฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กับพวกเอกชน ส่วนการพิจารณาค่าเสียหายกับกลุ่มข้าราชการนั้น แยกเป็นคนละส่วนกัน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการออกคำสั่ง เป็นลักษณะคำสั่งทางปกครองให้ข้าราชการที่กระทำผิด ชดใช้ค่าเสียหาย หากข้าราชการนั้นไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง คดีจะเข้าสู่การพิจารณาของศาลปกครอง 

เมื่อถามว่า คดีในส่วนของการฟ้องเรียกค่าเสียหายจะหมดอายุความภายในวันที่ 29 ก.พ.นี้ ตามที่มีกระแสวิจารณ์ในสื่อโซเชียล หรือไม่ แหล่งข่าวสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงที่อายุความการเรียกค่าเสียหายทางแพ่งนี้จะสิ้นสุดลงในวันที่ 29 ก.พ.นี้ เพราะลักษณะคดีแพ่งนี้เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา อายุความจึงนานกว่า 10 ปี และจะเกินกว่าวันที่ 29 ก.พ.นี้ ดังนั้นการยื่นคำร้องทางแพ่งให้ชดใช้ค่าเสียหายนั้น ยังดำเนินการทันเวลาอย่างแน่นอน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีอาญาทุจริตและฮั้วประมูลการระบายข้าวนั้น อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องนายบุญทรงกับพวกรวม 21 ราย ในความผิดฐาน กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542มาตรา4, 9, 10,12ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา151ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ , ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542มาตรา4, 123และ123/1ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต และอัยการสูงสุด โจทก์ ยังขอให้ศาลสั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นเงิน35,274,611,007บาทที่คิดคำนวณจากมูลค่าครึ่งหนึ่งตามสัญญาระบายข้าว50,000 ตัน ที่พบว่ามีการกระทำผิดสัญญา4ใน8ฉบับด้วย โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำหนดนัดไต่สวนพยานครั้งแรกในวันที่ 2 มี.ค.นี้ 

ส่วนจำเลยที่ 7 - 21 คดีทุจริตการระบายข้าว ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัท และนิติบุคคล 15 ราย ประกอบด้วย นายสมคิด เอื้อนสุภา จำเลยที่ 7,​นายรัฐนิธ โสจิระกุล​ จำเลยที่ 8 , นายลิตร พอใจ​ จำเลยที่ 9 , บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำเลยที่ 10 , ​น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง​ จำเลยที่ 11 , น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์​ จำเลยที่ 12 , น.ส.สุทธิดาหรือสุธิดา ผลดีหรือจันทะเอ​ จำเลยที่ 13 , ​นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 14 ,​นายนิมล หรือโจ รักดี​​​ จำเลยที่ 15 ,​นายสุธี เชื่อมไธสง​ จำเลยที่ 16 , ​นางสุนีย์ จันทร์สกุลพร​​​ จำเลยที่ 17, ​นายกฤษณะ สุระมนต์ จำเลยที่ 18 , ​นายสมยศ คุณจักร​ จำเลยที่ 19 , ​บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือบริษัท สิราลัย จำกัด​ จำเลยที่ 20 และน.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร​ จำเลยที่ 21