แจงอัยการไม่ยื่นฎีกา'ธรรมรักษ์' คดีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง

แจงอัยการไม่ยื่นฎีกา'ธรรมรักษ์' คดีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง

อดีตออส.เผยพิจารณาตามขั้นตอนไม่ยื่นฎีกา"พล.อ.ธรรมรักษ์" คดีจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้งปี49 เหตุไม่มีประจักษ์พยาน เห็นพ้องศาลอุทธรณ์ยกความสงสัย

นายอรรถพล ใหญ่สว่าง  อดีตอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่อัยการไม่ยื่นฎีกา ในส่วนของ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) และ อดีตรมว.กลาโหม คดีกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 กรณีร่วมพรรคเล็ก ปี 2549 จ้างเจ้าหน้าที่ กกต.แก้ไขข้อมูลสมาชิกพรรคเพื่อให้ลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งขันพรรคไทยรักไทยได้ว่า ภายหลังจากที่ ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้อง ในส่วนของพล.อ.ธรรมรักษ์     เนื่องจากในคดีนั้น มีจำเลยที่ 3 - 4 (สมาชิกพรรคเล็ก พรรคพัฒนาชาติไทย) กลับมาเบิกความต่อศาลว่าที่จำเลยทั้งสองให้การในชั้น ป.ป.ช.ว่าได้รับการว่าจ้างจากพล.อ.ธรรมรักษ์ นั้นเป็นเพราะถูกข่มขู่ซึ่งจำเลยทั้งเบิกความในชั้นศาลว่า พล.อ.ธรรมรักษ์จำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้เงินว่าจ้างให้ลงสมัครเลือกตั้งแต่อย่างใด      

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า หลังจากศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ แล้ว อัยการเจ้าของสำนวนจึงมีความเห็นว่าไม่สมควรยื่นฎีกา พล.อ.ธรรมรักษ์ในคดีนี้ โดยเสนอความเห็นนั้น ต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จนมาถึงอัยการสูงสุดในขณะที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่ ซึ่งขณะนั้นตนมีความเห็นว่า ไม่มีเหตุต้องฎีกาในส่วนของ พล.อ.ธรรมรักษ์  จำเลยที่ 1 โดยการทำความเห็นของพนักงานอัยการเป็นความเห็นถูกต้องตามลำดับชั้นตั้งแต่อัยการเจ้าของสำนวนจนมาถึงตน ซึ่งตนให้ความเห็นว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ กกต.จำเลยที่ 2 กระทำผิด คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนของ สมาชิกพรรคเล็ก จำเลยที่ 3-4 ในชั้น ป.ป.ช. แต่ต่อมาในจำเลยที่ 3-4 ก็ไม่ได้ให้การว่าพล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 กระทำความผิดในชั้นศาล ตนจึงมีความเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์มีความเห็นยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ พล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 ชอบแล้วไม่มีเหตุต้องฎีกา   

นายอรรถพล ยังมีความเห็นถึงกรณีที่ตุลาการรัฐธรรมนูญในขณะนั้น มีคำสั่งยุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีมูลเหตุมาจากคดีจ้างพรรคเล็กว่า ศาลแต่และศาลจะมีอำนาจเฉพาะของแต่ละศาลอยู่เเล้ว การที่ตุลาการรัฐธรรมนูญ มีมติยุบพรรคไทยรักไทยนั้น ตนเป็นผู้ว่าความฟ้องคดีนี้เอง ตอนที่ฟ้องอัยการได้อ้างเหตุหลายเรื่องนอกจากในส่วนของคดีอาญา ซึ่งพยานหลักฐานที่ปรากฏในตอนนั้นย่อมแตกต่างกัน    

"ตอนที่ฟ้องยุบพรรคมีข้อเท็จจริงหลายสาเหตุ และข้อเท็จจริงในตอนนั้นกับภายหลังไม่เหมือนกัน ทั้งศาลยุติธรรม และศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีคำพิพากษาในข้อเท็จจริงและกฎหมายตามแต่ละภาวะ" นายอรรถพล อดีตอัยการสูงสุด กล่าว