ชี้กรธ.ออกแบบรธน.ปราบโกงจริง ต้องไม่ระแวงอำนาจปชช.

นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (ผอ.สปท.) กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ว่า ตนเห็นว่าจุดขายของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แม้จะอยู่ที่มาตรการการปราบโกง หรือการคุมเข้มนักการเมืองก็ตาม แต่ก็ยังมีช่องโหว่อยู่มาก โดยเฉพาะการทุจริตระดับนโยบายที่มีความซับซ้อนและมีการจัดตั้งเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ระหว่างกลุ่มทุน การเมืองและข้าราชการประจำ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเอาผิดได้ ในขณะที่กลไกในร่างรัฐธรรมนูญยังเน้นแค่การป้องกันปราบปรามทุจริตในระดับปัจเจกและระดับพื้นฐานทั่วไป ซึ่งอาจทำได้ระดับหนึ่งหรือดีขึ้นกว่าเดิมบ้าง แต่ก็ต้องไปดูกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องว่าจะสอดรับแค่ไหน และในแง่ของการบังคับใช้กฎหมายจะมีประสิทธิภาพแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาคนตั้งใจมาโกงมักจะอ่านช่องโหว่ของกฏหมายออกและเชี่ยวชาญในการหาประโยชน์จากกลไกราชการและระบบการเมืองแบบพวกพ้อง

" เป็นห่วงคือการมอบอำนาจป้องกันและปราบปรามการทุจริตไปอยู่ที่องค์กรอิสระทั้งหมดโดยไม่ยึดโยงกับประชาชนและสังคมนั้นเป็นดาบ 2 คม เหมือนกรณีความล้มเหลวขององค์กรอิสระในรัฐธรรมนูญ 2540 ไม่ใช่ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไม่ดี แต่เพราะถูกทุนการเมืองเข้ามครอบงำเบ็ดเสร็จจนองค์กรอิสระกลายเป็นหน่วยฟอกผิดรัฐบาล แทนที่จะทำหน้าที่ถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาล ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็เช่นกันอาจเดินซำ้รอยองค์กรอิสระในอดีต ที่เน้นการเพิ่มอำนาจติดดาบสารพัด แต่ไม่ได้สร้างหลักประกันว่าใครจะมาควบคุมกำกับ และตรวจสอบการใช้ดาบนั้น เพื่อไม่ไปกลั่นแกล้งหรือเลือกปฏิบัติแม้ผมจะเห็นด้วยกับการเพิ่มมาตรการการปราบโกง แต่ต้องคิดกันใหม่ ทำอย่างไรจะเพิ่มบทบาทของภาคประชาชนในการมีสิทธิ มีส่วนร่วม รับรู้ข้อมูลข่าวสาร การตรวจสอบโครงขนาดใหญ่ หรือการกำหนดนโยบายสาธารณะอย่างมีธรรมาภิบาล เพราะการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ตรงไปตรงมาต่างหากจะเป็นหลักประกันที่เข้มแข็งและยั่งยืนว่าประเทศไทยเราปราบโกงได้จริงจัง ฉะนั้น กรธ.ต้องไม่ระแวงอำนาจของประชาชน สิทธิชุมชน และการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับ ไม่เช่นนั้นการปราบโกงจะเป็นแค่วาทกรรม หรือทีใครทีมันจนไม่รู้ว่าตกลงใครกันแน่ที่โกง " นายสุริยะใส กล่าว