ศาลยกคำร้อง'มุกดาหาร'ฟ้อง เสธ.โตโล่ง-เหลือแค่สุราษฎร์

ศาลยกคำร้อง'มุกดาหาร'ฟ้อง เสธ.โตโล่ง-เหลือแค่สุราษฎร์

ศาลปกครองขอนแก่น ไม่รับคำฟ้องและคุ้มครองชั่วคราว

 กรณี พล.อ.จิระศักดิ์ บุตรเนียร ยื่นฟ้อง กกท., คณะกรรมการกลางฯ, สมาคมฟุตบอล ด้าน “เสธ.โต”พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง แต่ยังเหลือลุ้นศาลปกครองที่สุราษฎร์ธานี

ความคืบหน้ากรณีที่ พล.อ.จิระศักดิ์ บุตรเนียร ประธานสโมสรฟุตบอลมุกดาหาร ลำโขง ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองขอนแก่น คดีข้อพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมี การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นจำเลยที่ 1, คณะกรรมการกลาง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นจำเลยที่ 2 และ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นจำเลยที่ 3

โดยเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ศาลปกครองขอนแก่น ได้มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและคุ้มครองชั่วคราว กรณีที่ พล.อ.จิระศักดิ์ บุตรเนียร ฟ้อง กกท., คณะกรรมการกลาง, สมาคมฟุตบอล เนื่องจากผู้ฟ้องคดีไม่ได้บรรยายฟ้องหรือแสดงให้ศาลเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 3 อย่างไร กรณีจึงยังไม่มีการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 3 ที่เป็นเหตุให้มีการฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง ศาลจึงไม่อาจรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งได้ จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาแล้ว จึงไม่จำต้องพิจารณาคำขอกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราวเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนหารพิจารณาของผู้ฟ้องคดี

“เสธ.โต”พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ ประธานคณะกรรมการกลางฯ ผู้ถูกฟ้องจำเลยที่ 2 กล่าวว่า ต้องขอบคุณศาลปกครองขอนแก่นที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและคุ้มครองชั่วคราว เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้มีผลกระทบต่อการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย วันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ และอาจนำไปสู่การที่จะถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) สั่งแบนประเทศไทย ซึ่งจะนำไปสู่ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง

“แม้ตอนนี้ศาลปกครองขอนแก่นจะไม่รับคำฟ้องและคุ้มครองชั่วคราวแล้ว ถือว่าโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ปัญหาก็ยังไม่จบเกี่ยวกับเรื่องของการฟ้องร้อง เนื่องจากว่า ทาง อนงค์ ล่อใจ อดีตประธานสโมสรสุราษฎร์ธานี ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองสุราษฎร์ธานี พร้อมกับขอให้เลื่อนวันเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย วันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ออกไปก่อน โดยศาลปกครองสุราษฎร์ธานี ได้ส่งเอกสารให้ คณะกรรมการกลางฯ ชี้แจงเรื่องที่ถูกฟ้อง ภายใน 5 วัน ซึ่งตอนนี้กำลังให้หัวหน้าอัยการในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการกลางฯ ทำเอกสารชี้แจงโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับศาลฯจะพิจารณาเช่นไร ซึ่งทางคณะกรรมการกลาง น้อมรับคำตัดสินทุกประการ”

อยุธยาโวยต้องได้สิทธิ์เตะ ด.1

 ฟุตบอลลีกไทยมีปัญหาวุ่นวายต่อเนื่อง จากกรณีที่ บจก.ไทยพรีเมียร์ลีก (ทีพีแอล) ขีดเส้นตายให้ “โปลิศ” เพื่อนตำรวจ ส่งเอกสารทำ “คลับไลเซนซิง” หรือใบอนุญาตส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้เวลา 17.00 น. หากไม่ผ่านจะให้สิทธิ์ทีมอันดับ 4 จากดิวิชั่น 1 ขึ้นชั้นมาเล่นแทน ขณะที่ดิวิชั่น 1 จะขยับอันดับทีมในโซนตกชั้นให้กลับมาเล่นดิวิชั่น 1 อีก 1 ทีมเพื่อให้ครบ 18 ทีม

“ทีพีแอล” ระบุว่า ภูเก็ต เป็นทีมอันดับ 17 ที่จะได้สิทธิ์เล่นดิวิชั่น 1 ในกรณีทีมอันดับ 4 ต้องขึ้นชั้นไปไทยพรีเมียร์ลีก แต่ล่าสุด ประสิทธิ์ โชคกิจ ผู้จัดการทีมอยุธยาออกมาเปิดเผยว่า อยุธยาจบฤดูกาลที่อันดับ 17 ไม่ใช่ ภูเก็ต โดยทั้ง อยุธยา และภูเก็ต มี 43 แต้มเท่ากัน และเฮดทูเฮดเท่ากัน คือ อยุธยา ชนะ 1-0 และภูเก็ต ชนะ 2-1 ทำให้ต้องมานับผลต่างประตูได้เสีย ซึ่งอยุธยา ดีกว่าภูเก็ต

“อยุธยา มีผลต่างลบ 24 ประตู ส่วนภูเก็ต ลบ 27 ประตู ดังนั้น อยุธยา จึงต้องเป็นทีมอันดับ 17 ไม่ใช่ภูเก็ต และหากจะมีทีมที่ได้สิทธิ์เล่นดิวิชั่น 1 ก็ต้องเป็นอยุธยา แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมสมาคมฟุตบอล และ ทีพีแอล ถึงไม่ส่งหนังสือถึงอยุธยาให้เตรียมเอกสารเพื่อทำคลับไลเซนซิงแต่อย่างใด” ผู้จัดการทีม “นักรบกรุงศรี” กล่าว

อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่า “ทีพีแอล” ขอตรวจเช็กอันดับตารางคะแนนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง พร้อมกับยืนยันว่าได้สั่งการให้ 6 สโมสรที่ตกชั้นจากดิวิชั่น 1 ไปดิวิชั่น 2 ทำเอกสารเพื่อออก “คลับไลเซนซิง” ทั้งหมด จากนั้นเมื่อมีทีมได้สิทธิ์เล่นดิวิชั่น 1 ถึงจะพิจารณาไล่ตามอันดับว่าทีมใดพร้อมจะได้สิทธิ์ แต่ถ้าเพื่อนตำรวจได้ “คลับไลเซนซิง” ก็จะไม่มีทีมใดได้สิทธิ์เพิ่มเติมอีก