'ณัฐวุฒิ'อัดรัฐบาลใช้ทุกกลไก หวังผ่านประชามติ

'ณัฐวุฒิ'อัดรัฐบาลใช้ทุกกลไก หวังผ่านประชามติ

"ณัฐวุฒิ" อัดรัฐบาลใช้ทุกกลไก หวังผ่านประชามติ ต่อยอดอำนาจคสช. ซ้ำเติมประชาชนให้บอบช้ำ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลใช้ทุกกลไก ทั้งสื่อของรัฐ หน่วยราชการทั้งพลเรือนและฝ่ายความมั่นคง กระทั่งนักศึกษารักษาดินแดนที่ต้องไปยืนโฆษณาหน้าหน่วยในวันลงคะแนนเพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ขณะที่สัญญาณการปิดกั้นฝ่ายที่เห็นต่างเข้มข้นขึ้นตลอดเวลา เมื่อเป็นเช่นนี้กระบวนการดังกล่าวจึงขัดกับหลักการพื้นฐานของการทำประชามติที่ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมและตัดสินใจโดยอิสระ ยิ่งนายกฯ อ้างอำนาจที่จะสงวนแนวทางหากประชามติไม่ผ่านโดยไม่ให้ความชัดเจนกับประชาชน ยิ่งทำให้การลงประชามตินี้ไม่น่าไว้วางใจ  

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจรู้ดีว่าเดิมพันครั้งนี้สูงกว่าที่พูดไว้กับประชาชนว่าเป็นฉบับปราบโกงซึ่งไม่มีใครต่อต้าน แต่แท้จริงคือการบรรจุทุกเรื่องที่ต้องการไว้ครบถ้วน เช่น การนิรโทษกรรมสิ่งที่คสช.และองคาพยพทำ การเปิดช่องนายกฯ คนนอก ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญประหารรัฐบาลเลือกตั้ง ส.ว.สรรหาแบบคุมเกมได้ และเครือข่ายองค์กรอิสระอื่นที่เชื่อมโยงกันเป็นด่านมรณะของตัวแทนประชาชน จึงชี้ชัดได้ว่าหากร่างรัฐธรรมนูญนี้บังคับใช้ ผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดคือเครือข่ายอำนาจของคสช. ส่วนที่เสียหายมากที่สุดคือระบอบประชาธิปไตยที่จะอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทรา ซึ่งจะซ้ำเติมชะตากรรมของประชาชนให้บอบช้ำยิ่งขึ้น เพราะรากแก้วของปัญหาที่ผ่านมาคือความไม่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น การทำประชามติครั้งนี้จึงถือเป็นการลงคะแนนเสียงของประชาชนที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ประเทศไทย รัฐบาลบอกว่ารัฐธรรมนูญนี้จะทำให้ไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีก แต่ตนยืนยันว่า ถ้าจะให้รัฐประหารหมดไปต้องคว่ำรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อประกาศต่อสังคมโลกและเครือข่ายอนุรักษ์นิยมในประเทศไทยว่า ประชาธิปไตยแท้จริงเท่านั้นคือการแก้ปัญหาของประเทศ  

“ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงกรอบการเรียนรู้เดิมของสังคม ที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมขีดเส้นให้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของวาทกรรม และความดีความชั่วที่ตัดสินกันเพียงอารมณ์ความรู้สึก เป็นการยึดกุมหลักการที่เป็นสากล และใช้เหตุผลในการหาข้อสรุปร่วมกันภายใต้กติกาที่เป็นธรรม ในอาเซียนวันนี้มี 2 ประเทศซึ่งประกาศว่ากำลังเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย คือเมียนมาร์ ซึ่งแม้หลายฝ่ายยังมีข้อห่วงใย แต่ก็มีรูปธรรมการถอนตัวจากอำนาจของรัฐบาลทหารชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ กับไทยซึ่งรัฐบาลทหารกำลังร่างกติกาที่เห็นชัดว่า อำนาจสูงสุดไม่ได้อยู่ในมือประชาชน น่าตกใจว่าวันนี้อนาคตประชาธิปไตยของไทยดูน่าเป็นห่วงกว่าเพื่อนบ้านหรือไม่” นายณัฐวุฒิกล่าว