รัฐบาลปลื้มคอร์รัปชันไทย ดีที่สุดในรอบ6ปี ขยับขึ้น9อันดับ

รัฐบาลปลื้มคอร์รัปชันไทย ดีที่สุดในรอบ6ปี ขยับขึ้น9อันดับ

รัฐบาลปลื้มสถานการณ์คอร์รัปชันไทย ดีที่สุดในรอบ 6 ปี ขยับขึ้น 9 อันดับ เป็นที่ 3 ในกลุ่มอาเซียน ด้านนายกฯ หวังให้สังคมร่วมกันต้านทุจริต

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดคอร์รัปชันโลก ปี 2558 โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) แล้ว โดยประเทศไทยได้ 38 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 เป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย และอันดับที่ 76 จากประเทศทั่วโลก ขยับขึ้นมาจากเดิม 9 อันดับ

"ท่านนายกฯ ยอมรับกับผลการจัดอันดับดังกล่าว และเห็นว่าประเทศไทยควรจะต้องใสสะอาดมากขึ้นเรื่อย ๆ จากความตั้งใจจริงในการทำงานอย่างหนักและต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ เพื่อต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชัน เช่น การตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) การตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) การโยกย้ายข้าราชการที่ได้รับการร้องเรียนหรือมีข้อมูลว่ามีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต เพื่อเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการออก พ.ร.บ.การอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เป็นต้น"

พล.ต. สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ผลการจัดอันดับขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติสอดคล้องกับผลสำรวจสถานการณ์คอร์รัปชันไทย ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อ มิ.ย. 2558 ที่ระบุว่า สถานการณ์คอร์รัปชันไทยในปี 2558 ดีที่สุดในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากรัฐบาลได้กำหนดให้การปราบปรามการทุจริตเป็น “วาระแห่งชาติ” และปฏิบัติการอย่างเข้มแข็งแล้ว ยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกภาคส่วนที่ตื่นตัวต่อปัญหาและต่อต้านการทุจริต จนเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาสังคม รวมทั้งในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็มีกลไกพิเศษหลายประการที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในระยะยาวอีกด้วย

พล.ต. สรรเสริญ ท่านนายกฯ เน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันจะต้องไม่เน้นเพียงการปราบปรามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีแก่ประชาชนโดยเฉพาะในระดับเยาวชน ซึ่งถือเป็นการป้องกันก่อนเกิดปัญหาที่ดีที่สุดด้วย เช่น การสร้างสำนึกไทย ไม่โกง แก่ประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ การใช้หลักสูตร “โตไปไม่โกง” ในโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อให้สำนึกรักความซื่อสัตย์หยั่งรากลึกลงในจิตใจของเยาวชนไทย เป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน