ตำรวจออกหมายจับเพิ่ม 3 กัมพูชา เหตุปะทะดีเอสไอ

ตำรวจออกหมายจับเพิ่ม 3 กัมพูชา เหตุปะทะดีเอสไอ

ตำรวจภูธรคลองลึกออกหมายจับชาวกัมพูชาเพิ่มอีก 3 คนจากกล้องมือถือสามารถบันทึกได้ขณะเกิดเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุกลุ่มผู้ค้าชาวกัมพูชากว่า 500 คน ในตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เข้าทำร้ายและทุบรถของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาล่าสุด ตำรวจภูธรคลองลึกออกหมายจับชาวกัมพูชาเพิ่มอีก 3 คน ตามภาพที่กล้องมือถือสามารถบันทึกได้ขณะเกิดเหตุ โดยจะแจ้งความในข้อหาต่อสู้ขัดขวางและทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวคนที่ก่อเหตุได้ 2 คน ตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ทำร้ายทรัพย์สินของทางราชการและขัดขวางการทำหน้าที่ของเจ้าพนักงาน

ด้านนายประมวล เขียนขำ รองประธานและเลขาธิการหอการค้าจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ชาวกัมพูชาร่วมทำร้ายและทำลายทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทำให้การค้าขายชายแดนซบเซาลง เพราะปกติที่ตลาดโรงเกลือแห่งนี้สามารถทำรายได้ให้จังหวัดถึงวันละ 50 ล้านบาทสำหรับวันธรรมดา ส่วนวันหยุดเสาร์อาทิตย์ทำรายได้ถึงวันละ 100ล้านบาท เฉลี่ยปีละกว่า 3หมื่นล้านบาท หากไม่มีตลาดโรงเกลือจังหวัดสระแก้วจะขาดรายได้มหาศาล

"ตลาดโรงเกลือถือเป็นตลาดค้าส่งปลีกรายใหญ่ของประเทศเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยเข้าไปพูดคุยกับทางจังหวัดเพื่อหารือถึงทางออกของสินค้าบางประเภทที่ผิดกฎหมายหรือละเมิดทรัพย์สิน ทางปัญญาต้องยอมรับว่าตลาดโรงเกลือมีสีสันเรื่องของมือสอง ที่ประชาชนจะมาซื้อสินค้าแต่ผลสุดท้ายก็ยังไม่ได้คำตอบจากทางจังหวัด" นายประมวล กล่าว

ทั้งนี้บรรยากาศภายในตลาดโรงเกลือค่อนข้างเงียบเหงา มีบางร้านค้าที่ปิดร้านชั่วคราวกว่าร้อยละ 60 ผู้ค้าตลาดโรงเกลือระบุว่าร้านที่จำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาเท่านั้นที่ปิดร้านหนี เพราะเกรงว่าจะได้รับผลกระทบตามมาหากยังเปิดอยู่ ส่วนร้านที่เปิดบริการตามปกติจะเป็นร้านที่ขายเสื้อผ้าและสินค้าทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา บรรยากาศในตลาดโรงเกลือจึงค่อนข้างเงียบเหงา อีกทั้งยังทำให้ผู้ค้าขายซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชาไม่กล้าที่จะเข้ามาในพื้นที่

ขณะที่แม่ค้าชาวไทยที่ขายของอยู่ที่ตลาดแห่งนี้ส่วนใหญ่ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือ ว่ารุนแรงและทำเกินกว่าเหตุ เพราะก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าตรวจจับสินค้าลิขสิทธิ์ทั้งตัวจริงและตัวปลอมเข้ามาเรียกเก็บผลประโยชน์กับผู้ค้าที่ตลาดโรงเกลือจึงทำให้ผู้ค้าไม่สามารถรู้ได้ว่าเจ้าหน้าที่คนไหนเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม จึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ในความเป็นจริงถ้าเจ้าหน้าที่จะเข้ามาตรวจสอบหรือตรวจยึดสินค้า ควรที่จะมากับตำรวจในพื้นที่หรือเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ชุดนี้เป็นตัวจริง ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นซ้ำอีก

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของทางจังหวัดสระแก้วพบว่า แผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาถูกกำหนดเป็นสระแก้วโมเดลโดยเป็นความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอกับทางจังหวัดมาตั้งแต่ปี 2558 โดยมีแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กำหนดเป็นแผนระยะสั้น 3 เดือนแล้ว ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม ปี 2558 โดยติดตามประเมินผลหลังครบกำหนด 3 เดือน ส่วนระยะยาวตั้งแต่ 1พฤษภาคม 2558 – 30 กรกฎาคม 2559 ทางจังหวัดมีกำหนดการป้องกันปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นยุทธศาสตร์ของจังหวัด โดยจัดทำบันทึกข้อตกลง MOU ร่วมกันกับเจ้าของพื้นที่ เจ้าของตลาด ผู้ค้ารายใหญ่ในการไม่จำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาพร้อมสร้างเครือข่ายเฝ้าระวัง ซึ่งจะติดตามผลทุกๆ 6 เดือน