ปม'ประยุทธ์'ร้อน โพเดี้ยมเดือด : ร่างรัฐธรรมนูญ เสพสื่อมาก

ปม'ประยุทธ์'ร้อน โพเดี้ยมเดือด : ร่างรัฐธรรมนูญ เสพสื่อมาก

"รัฐธรรมนูญ - เลือกตั้ง - โรดแม็ป" จึงเป็นเรื่องอ่อนไหวสะกิดอารมณ์นายกฯ เรื่อยมา

หากยังพอจำกันได้ เมื่อช่วงขึ้นปีใหม่ 2559 “บิ๊กตู่” ประกาศไว้ว่า จะปรับภาพลักษณ์ตัวเองเป็น “กู๊ดกาย” ลดการทะเลาะกับสื่อมวลชนลง หลังจากที่ตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศ เมื่อเกิดประเด็นร้อนๆ เมื่อถูกนำเข้าไมโครโฟนยื่นถาม ท่านผู้นำประเทศในยุคปฏิรูป ก็กลับได้ได้คำตอบแบบด้วยอารมณ์ร้อนๆ ตามมาด้วยเป็นเสียส่วนใหญ่

ภาพการแถลงข่าวของ “พล.อ.ประยุทธ์” หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่ถูกซักในประเด็นของร่างรัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้งนั้นดูเหมือนว่าภาพของ “กู๊ดกาย” เมื่อต้นปี จะถูกขยำทิ้งลงถังไม่เหลือสิ้น

เรื่องของรัฐธรรมนูญนั้นถือเป็นเรื่องร้อนสำคัญที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ระเบิดอารมณ์ออกมา เมื่อถามสะกิดถึง ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อย้อนไปตั้งแต่เมื่อครั้งร่างรัฐธรรมนูญภาคแรก ฉบับ “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ขณะนั้นถูกคว่ำโดยสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ก็เคยทำให้ “บิ๊กตู่” ก็ปรี๊ดแตกมาแล้วครั้งหนึ่งจากการถูกโจมตีว่าต้องการสืบทอดอำนาจ

"รัฐธรรมนูญ - เลือกตั้ง - โรดแม็ป" จึงเป็นเรื่องอ่อนไหวสะกิดอารมณ์นายกฯ เรื่อยมา

เมื่อสิ้นเดือนม.ค.เข้าสู่เดือนก.พ. “บิ๊กตู่” ก็เริ่มจัดเต็มทันที หลังรัฐธรรมนูญร่างแรกของ “มีชัย ฤชุพันธุ์” เปิดออกมาเมื่อวันที่ 29 ม.ค. ถัดมาวันขึ้นสัปดาห์ใหม่ นายกฯ ก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวในเรื่องนี้ หลังถูกวิพากษ์ วิจารณ์มาตลอด

กระทั่งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ ก็เกิดอารมณ์โมโหของขึ้น ตั้งแต่ช่วงเดินลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้า มาเข้าประชุมครม.ที่ตึกบัญชาการ1 โดยก่อนการประชุมได้มีหน่วยงานต่างๆ มาจัดแสดงผลงานให้กับผู้บริหารประเทศ และสื่อมวลชนได้ชม เป็นประจำในทุกๆสัปดาห์ ซึ่งครั้งนี้ มีการแสดงผลงาน ของ โปรแกรมประยุกต์เกี่ยวกับการพยากรณ์อากาศ, ชุดตรวจวัณโรค และวัณโรคดื้อยา,ชิมน้ำจิ้มสุกี้จากน้ำส้มสับปะรด ซึ่งเป็นผลงานวิจัยด้านอาหาร “บิ๊กตู่” ก็เดินชม ชิม พร้อมหันมากล่าวตำหนิสื่อมวลชนอยู่เป็นระยะๆ จนกระทั่งไปถึงบู๊ทสุดท้ายเกี่ยวกับการรณรงค์ป้องกันโรคมะเร็ง นายกฯ ก็ยังคงมีอารมณ์ขุ่นมัวอยู่เป็นระยะ ภาพที่ออกมาจึงน่าเห็นใจหน่วยงานที่มาจัดซุ้ม

สื่อมวลชน เองก็งุนงงเพราะเป็นการที่ “นายกฯ” อารมณ์เสียโดยไม่ต้องมีการยิงคำถามหรือสัมภาษณ์อะไร

ต่อด้วยการแถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงบ่ายที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตอบคำถามในเรื่องของร่างรัฐธรรมนูญ ที่ถูกนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมและก็ได้มีการมอบหลักการในร่างนี้ไว้ กระนั้นก็ไม่พ้นอารมณ์ปรี๊ดแตกไม่ต่างจากที่คาดไว้เพราะบรรยากาศมาคุตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งการแถลงข่าวครั้งนี้ใช้เวลาร่วม 40 นาที

โดยเมื่อถึงคำถามว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ระบุหากร่างรัฐธรรมไม่ผ่านประชามติอาจเจอกับรัฐธรรมนูญที่โหดกว่า นายกฯ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ แต่อะไรคือที่เรียกว่าโหดไม่โหด และร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้โหดอย่างไร เรื่องนายกฯคนนอกนั้นพรรคการเมืองเป็นคนเลือกไม่ใช่หรือ ถ้าในคนพรรคเป็นไม่ได้ มีความขัดแย้งต้องหาคนนอกมา ที่ไม่ใช่ตน จบหรือยัง ส่วนที่บอกว่าให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมากไปถามว่าใครจะตัดสิน คราวก่อนศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่หรือเปล่าก็ทำ ใครตัดสิน  

“ผมไงเข้ามาให้ท่านนี่ไงเล่า แล้วท่านอยากให้ผมมาอีกหรืออย่างไร แล้วจะเอาใครถ้าไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญแล้วมีใครอีก ศาลเปาบุ้นจิ้นหรือไงศาลไคฟงล่ะสิ ไปหาวิธีการให้มันทำให้ได้”  นายกฯ ตอบคำถามนี้ด้วยอารมณ์โมโห มีทั้งการตี ทุบ โพเดี้ยมเสียงดังจนแว่นสายตาที่ถอดวางไว้ กระเด็นล่วงลงพื้น  ก่อนที่ช่วงท้ายจะจบการแถลงข่าวแล้วตัดเพ้อว่าตัวเอง “ไร้ค่า” หลังทำงานมาสองปีแล้วไม่ไว้ใจกันบ้างหรือ แล้วเดินออกไปทันที

การอารมณ์เสียครั้งนี้ของ “บิ๊กตู่” หากเทียบจากบรรยากาศที่ผ่านๆมาแล้ว เรียกได้ว่าหนักที่สุดตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี แม้กระทั่งทีมงานใกล้ชิดเองก็ยังยอมรับว่าตกใจ อย่างไรก็ตามช่วงเวลาเส้นทางการบริหารประเทศที่เข้าสู่ช่วงสำคัญเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และกับบุคลิกคาแรคเตอเช่นนี้ อารมณ์ปรี้ดแบบนี้หรือมากกว่านี้ก็ย่อมมีตามมาแน่  

หากวิเคราะห์จากสาเหตุที่ “บิ๊กตู่” ต้องอารมณ์เสีย โมโห บ่อยแล้วส่วนหนึ่งนั้นมาจากการเสพสื่อ บทความ หรือรายการทีวี ที่มีเนื้อหาวิพากษ์ วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล คสช. หรือกระทั่งตัวนายกฯ เอง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ชอบติดตามข่าวสารอยู่ทุกเรื่องตลอด ไม่แปลกที่หลายครั้งจะเห็นในการสัมภาษณ์ว่านายกฯตอบได้ทุกเรื่อง หรือแม้แต่ตัวเองปล่อยประเด็นจนสื่อต้องมาตามหาต้นตอ อย่างเช่น ข่าวโอนเงินหมื่นล้านไปยังประเทศสิงคโปร์ เมื่อกลางปีที่แล้ว ก็มาจากตัวนายกฯ เองที่บอกว่าตนได้ถูกกล่าวหาโจมตี หรือแม้กระทั่งเห็นผู้สื่อข่าวที่ไปทำข่าวเปิดบ้าน อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เช่นกัน  

"บิ๊กตู่” นั้นถือว่าเป็นผู้ชอบท่องโลกออนไลน์อยู่ตลอดเวลา โดยจะพกโทรศัพท์สมาร์ทโฟนติดตัวสองเครื่องเสมอ อีกทั้งเวลาว่างยังชอบดูซีรีย์ สารคดี ซึ่งในการขึ้นพูดบนเวทีบางครั้งก็ได้มีการหยิบเรื่องราวข้อคิดจากสิ่งที่ได้มาบอกเล่าให้ฟังอีกด้วย