สรรพสามิตเกาะติดยอดขายรถยนต์ หวั่นกำลังซื้อหด กระทบภาษี

สรรพสามิตเกาะติดยอดขายรถยนต์ หวั่นกำลังซื้อหด กระทบภาษี

"สรรพสามิต" เกาะติดยอดขายรถยนต์ หวั่นกำลังซื้อไตรมาส2 หดกระทบภาษี

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพามิต เปิดเผยว่า แนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตในปีงบ 2559 ยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4.96 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 11% โดยยอดการจัดเก็บล่าสุดในช่วงไตรมาสแรก (ต.ค.-ธ.ค.2558) กรมจัดเก็บรายได้เกินเป้าอยู่กว่า 3 พันล้านบาท และจัดเก็บภาษีสินค้าทุกประเภทได้ตามเป้า โดยเฉพาะภาษีสรรพสามิตรถยนต์ จัดเก็บได้เกินเป้ามากตามยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี โดยเฉพาะรถยนต์ขนาดเล็กบางรุ่นยอดขายเพิ่มขึ้น 100%

สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2 นั้น ต้องติดตามดูสถานการณ์ยอดขายรถยนต์ว่าเป็นอย่างไร เพราะในไตรมาสแรกยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ทำให้กังวลว่าอาจจะเป็นความต้องการในอนาคต ที่คนเร่งซื้อรถช่วงปลายปีที่ผ่านมาเพราะคาดว่าจะมีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตรถยนต์ในปีนี้ อย่างไรก็ตามจากการหารือกับผู้ประกอบการรถยนต์ ยังคงประเมินว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้จะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 8 แสนคัน ส่วนยอดส่งออกอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน

หวังศก.ฟื้นหนุนยอดกินดื่มพุ่ง

ขณะที่การเก็บภาษีสินค้าประเภทอื่น แนวโน้มยังดี เพราะช่วงนี้เป็นเทศกาลวันหยุด ทั้งปีใหม่ ตรุษจีน และสงกรานต์ มีการเดินทางท่องเที่ยว และกินดื่ม ยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เพิ่มขึ้น ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะมีการปรับตัวดีขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนเรื่องการจ่ายใช้ กินดื่ม

“ปีนี้มั่นใจการเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้จะยังต้องติดตามสถานการณ์ยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นมากผิดปกติ แต่เท่าที่คุยกับเอกชนก็ยังมั่นใจยอดขายทั้งปีอยู่ที่ 8 แสนคัน หรือหากยอดขายรถยนต์ลดลง ก็ยังมีการจัดเก็บจากสินค้าตัวอื่นเข้ามา ทั้งเหล้า และบุหรี่ และน้ำมัน โดยยอดจัดเก็บภาษีรถยนต์มีสัดส่วนประมาณ 20% ของยอดจัดเก็บทั้งหมด”

น้ำมันลงไม่กระทบภาษีสรรพสามิต

ในส่วนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ยังอยู่ในระดับที่ดี เพราะราคาน้ำมันที่ปรับลดลงไม่ได้ส่งผลต่อการจัดเก็บภาษี เนื่องจากภาษีสรรพสามิตจะจัดเก็บตามปริมาณการใช้ ไม่ใช่ราคา โดยล่าสุดได้มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ระดับ 4.95 บาทต่อลิตรแล้ว แม้ว่าจะยังจัดเก็บต่ำกว่าตัวเลขที่ใช้ทำประมาณการณ์การจัดเก็บรายได้ ทำไว้ที่ 5.25 บาทต่อลิตร แต่ก็ราคาน้ำมันที่ลดลง ก็ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นมาทดแทน

สำหรับการจัดเก็บรายได้ในปีงบ 2560 กรมฯได้ทำประมาณการณ์ไว้ที่กว่า 5 แสนล้านบาท บนพื้นฐานภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ระดับ 5.25 บาทต่อลิตร และยอดขายรถยนต์ในประเทศไม่ต่ำกว่า 8 แสนคัน อย่างไรก็ตามจะมีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบาย

วางมาตรการแก้ปัญหาแสตมป์ปลอม

เขากล่าวต่อว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างหารือเพื่อปรับประเภทของอากรแสตมป์ของสินค้าประเภทต่างใหม่ๆ จะลดประเภทของแสตมป์ลงจากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 30 แบบ ให้สินค้าแต่ละชนิดเหลือเพียง 2 แบบ คือ แสตมป์สำหรับสินค้านำเข้า และสินค้าที่ผลิตในประเทศ โดยจะใช้เทคโนโลยีที่ทำให้การปลอมแปลงยากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการปลอมแสตมป์ และจะมีส่วนในการลดต้นทุนการพิมพ์แสตมป์ลงด้วย

ส่วนนี้จะมีการหารือกับฝ่ายนโยบาย เพื่อออกเป็นประกาศของกระทรวง คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปีนี้ นอกจากนี้กรมฯยังจะมีการปรับแบบการขอใบอนุญาต จากเดิมมีรูปแบบการขอถึง 8แบบ ให้เหลือเพียงแบบเดียว เพื่อให้มีความสะดวกมากขึ้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายใน 2-3 เดือนนี้

เผยยอดปราบปรามปีนี้ 1.3หมื่นคดี

ในส่วนของการปราบปราม ในปีงบ 2558 (ต.ค.2557-ก.ย.2558) พบว่ามีการกระทำผิด รวมจำนวนคดีทั้งสิ้น 49,542 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับจำนวนทั้งสิ้น 477 ล้านบาท แยกเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.สุรา จำนวน 30,519 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ98.3 ล้านบาท พ.ร.บ. ยาสูบ จำนวน 16,327 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 294 ล้านบาท พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต 2527 จำนวน 2,640 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 84 ล้านบาท และพ.ร.บ.ไพ่ จำนวน 56 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 4.17 แสนบาท

สำหรับผลการปราบปรามทั่วประเทศ ปีงบประมาณ 2559 (ต.ค.2558-ม.ค. 2559) พบว่ามีการกระทำผิด 13,850 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับจำนวนทั้งสิ้น 150 ล้านบาท แยกเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ. สุรา จำนวน 8,816 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 30ล้านบาท กระทำผิดตาม พ.ร.บ. ยาสูบ จำนวน 4,157 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 85 ล้านบาท พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต 2527 จำนวน 847 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 32 ล้านบาท และ พ.ร.บ. ไพ่ จำนวน 30 คดี คิดเป็นเงินค่าปรับ 9.1 แสนบาท