แกนนำชาวสวนยางขีดเส้นตาย 30 วัน แก้ราคายางให้ตรงจุด

แกนนำชาวสวนยางขีดเส้นตาย 30 วัน แก้ราคายางให้ตรงจุด

แกนนำชาวสวนยางสุราษฎร์ยื่นหนังสือถึงนายก จี้ให้แก้ปัญหายางพาราตกต่ำให้ตรงประเด็นขีดเส้นตาย 30 วัน

นายกิตติศักดิ์ วิโรจน์ นายกสมาคมเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันสุราษฎร์ธานี พร้อมคณะทำงาน ได้ออกแถลงการณ์และยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายชวลิต พลไทย หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้แก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ

ทั้งนี้ จำนวน 4 ข้อ คือ1.รัฐบาลควรเปลี่ยนแนวทางในการมุ่งเน้นการรับซื้อเฉพาะยางแผ่นมาเป็นเศษยาง(ขี้ยาง) และน้ำยางพาราแทน เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือชาวสวนยางรายย่อย

2.รัฐบาลควรกำหนดราคารับซื้อยางแผ่นดิบกิโลกรัมละ 60 บาท เพราะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลกับราคาต้นทุนเฉลี่ยตั้งแต่เริ่มปลูกซึ่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 64.21 บาท และควรปรับขึ้นราคาน้ำยางสดและเศษยางตามระดับราคาที่เหมาะสม โดยกำหนดราคาน้ำยางสดที่กิโลกรัมละ 55 บาท เศษยางกิโลกรัมละ 30-32 บาท

3.รัฐบาลควรเพิ่ม”หน่วยรับซื้อยางพารา”ที่กระจายไปยังอำเภอต่าง ๆ โดยไม่ระบุเฉพาะตลาดกลางเพียงอย่างเดียว เพื่อสร้างช่องทางให้เกษตรกรรายย่อยและให้เกิดความโปร่งใสและควรระบุระยะเวลาในการรับเงินไม่เกิน7วัน หลังการรับซื้อ ทั้งนี้ไม่ควรจำกัดผู้มีสิทธิขายยางว่าต้องเป็น”ผู้มีเอกสารสิทธิ”เท่านั้น

และ4.รัฐบาลควรกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร สถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรร่วมกับชาวสวนยางในพื้นที่ภาคใต้ในการศึกษาข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างตรงประเด็นและเป็นรูปธรรม

โดยทางแกนนำยื่นหนังสือจำนวน2หน้ากระดาษเอสี่ พร้อมอธิบายเหตุผลประกอบอย่างละเอียดจำนวน2หน้ากระดาษเอ 4 เป็นข้อเสนอต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคายางพารา

นายกิตติศักดิ์  กล่าวว่า ทางแกนนำให้เวลารัฐบาลในการแก้ไขปัญหาภายใน30วัน หากไม่ได้รับตอบสนองจะมีการเคลื่อนไหวต่อแต่อยู่ในกรอบของกฎหมาย ทั้งนี้ จากมติ ครม.เมื่อวันที่12ม.ค.59ที่มีมติรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรโดยตรง1แสนตันนั้นแนวคิดดังกล่าวนั้นไม่ถึงมือเกษตรกรรายย่อย เพราะกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์มีเพียง3 กลุ่มคือ สถาบันเกษตรกรในพื้นที่ต่าง ๆ ,กลุ่มนายทุนที่มีโรงรมควันยางพาราและกลุ่ม5เสือยางพาราในประเทศไทยโดยที่กลุ่มรายย่อยไม่ได้รับผลประโยชน์

ด้านนายชวลิต พลไทย หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานีกล่าวว่า จะนำหนังสือดังกล่าวส่งไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นอย่างเร่งด่วนและแจ้งความคืบหน้าให้ทางสมาคมเกษตรกรสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันสุราษฎร์ธานีให้รับทราบต่อไป.