สมุนไพรไทยช่วยให้สุขภาพดีและมีประโยชน์

“สมุนไพร นับเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่อยู่คู่ครัวเรือนไทยมานานแสนนาน ที่ช่วยเพิ่มรสชาติและสีสันของอาหารไทยให้มีรสจัดจ้านกลมกล่อม ตามแบบฉบับของคนไทย ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้ไม่ได้มีประโยชน์แค่เพียงใช้ประกอบอาหารเท่านั้น แต่สมุนไพรยังมีสรรพคุณทางด้านบำรุงสุขภาพได้อีกด้วย” ดร.กมล ไชยสิทธิ์ นักกำหนดอาหารวิชาชีพและนักเภสัชวิทยา ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ (Vitallife) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าว

“สภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของประเทศไทยนั้น มีผลอย่างมากในการส่งเสริมการเจริญเติบโตและความหลากหลายของพืชผัก ผลไม้ และสมุนไพรต่างๆที่นำมาใช้ประกอบอาหารในครัวเรือน โดยสมุนไพรที่ใช้ประกอบอาหารนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น ตะไคร้ ที่ใช้เป็นส่วนผสมหลักในเครื่องต้มยำและ แกงต่างๆซึ่งมีส่วนช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการปวดท้อง อีกทั้งยังช่วยลดความดัน และขับปัสสาวะและเหงื่อทำให้ระดับความดันลดลงได้”

“ใบกะเพรา ถือเป็นส่วนผสมยอดนิยมสำหรับอาหารจานเด็ดของไทยอย่างเช่น ข้าวผัดกะเพรา ซึ่งสามารถนำมาใช้รักษาอาการเป็นไข้ และมีฤทธิ์ขับลมได้เป็นอย่างดี จนมีการพัฒนาต่อเป็นยาไทยชื่อว่า ยาประสะกะเพรา เลยทีเดียว โดยเจ้าใบกะเพรานี้ถือเป็นยาฆ่าเชื้อโรคที่ได้จากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการทำลายเชื้อโรคที่ทำให้เป็นไข้”

นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรไทยอีกมากมายที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพรวมไปถึง
ผักชี – นิยมนำมาทำเป็นส่วนผสมในสลัด ซอสสำหรับหมักอาหาร และน้ำพริก เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับอาหารจานเด็ด ซึ่งนอกจากผักชีจะอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเค และโปรตีนแล้ว ยังมีสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพ ผักชียังสามารถลดคอเลสเตอรอลที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย (LDL) และส่งเสริมการผลิตคอเลสเตอรอลที่ดีต่อร่างกาย (HDL) ในเส้นเลือด ส่งเสริมระบบการย่อยอาหาร ผักชีให้ฤทธิ์สำคัญในการขับโลหะหนักโดยเฉพาะปรอทออกจากเนื้อเยื่อต่างๆ จึงถือว่าผักชีเป็นผักแหล่งช่วยขับสารพิษพวกปรอท

ใบมะกรูด – ช่วยเพิ่มธาตุเหล็กและสีสันให้กับต้มยำ และแกงต่างๆ ตลอดจนสามารถนำไปประกอบอาหารจำพวกผัดเพื่อเพิ่มรสชาติ ใบมะกรูดยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยในการรักษาอาการไอและมีเสมหะ ทั้งยังช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย สามารถนำมาถูฟันเพื่อเสริมสร้างสุขภาพฟันให้แข็งแรง น้ำมันสกัดจากใบมะกรูดสามารถนำมาเป็นส่วนผสมหลักในการทำแชมพู สบู่ เพื่อทำความสะอาดผม และผิวได้อีกด้วย


พริกแดงหรือพริกเขียว – อาหารไทยนั้นมีเอกลักษณ์ที่ความเผ็ดและจัดจ้านของส่วนผสมและเครื่องเทศต่างๆที่นำมาใช้ปรุง ซึ่งส่วนผสมหลักที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือพริกที่ให้ความเผ็ดนั่นเอง ซึ่งเจ้าความเผ็ดมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยจะมีสารที่เรียกว่า แคปไซซิน (capsaisin) ที่นอกจากจะทำหน้าที่ให้ความเผ็ดแล้วยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน ต้านมะเร็ง และลดระดับน้ำตาลในเลือด ปัจจุบันมีการพัฒนา สารสกัดจากพริกเป็นยาทาภายนอกสำหรับระงับปวด

อาจารย์กมลยังแนะนำให้รับประทานกระเทียม ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่พบเป็นส่วนผสมในหลายเมนูอาหาร

“การรับประทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น จะต้องนำกระเทียมมาสับทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีก่อนที่จะนำไปประกอบอาหาร เพื่อให้ได้สาร allicin ออกมาที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ”

นอกจากนี้ เรายังสามารถนำสมุนไพรเหล่านี้มาทำเป็นเครื่องปรุงเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร เพื่อเพิ่มปริมาณการรับประทานสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายต่อวันได้อีกด้วย

“การฝึกให้เด็กๆรู้จักรับประทานพืชสมุนไพรตั้งแต่เล็กๆนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้เด็กๆชื่นชอบการรับประทานสมุนไพรเมื่อพวกเขาโตขึ้นได้อีกด้วย”