สำราญ 'กาญจน์' งานศิลป์ในสวน

สำราญ 'กาญจน์' งานศิลป์ในสวน

แรงบันดาลใจที่สำคัญอย่างหนึ่งของศิลปินในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะก็คือ “ธรรมชาติ”

สังเกตว่า ในดินแดนที่สมบูรณ์ งดงาม และพร้อมพรั่งไปด้วยภูเขา ป่าไม้ สายน้ำ มักเป็นแหล่ง "ฝังตัว” ของนักดนตรี นักคิด นักเขียน ผู้คนในแวดวงวรรณกรรม รวมไปถึงศิลปินผู้ชื่นชอบการตวัดปลายพู่กันหลายต่อหลายราย


ปฏิเสธไม่ได้ว่า “กาญจนบุรี” เป็นจังหวัดที่รุ่มรวยทรัพยากรธรรมชาติไม่แพ้จังหวัดไหนๆ และแน่นอน ที่นี่เต็มไปด้วย “ศิลปิน” แต่เชื่อหรือไม่ว่า จังหวัดที่มีอากาศดี มีกวี นักดนตรี และอาร์ติสต์มากมายขนาดนี้ ยังไม่มีหอศิลป์ที่ดี หรือแกลลอรี่แสดงผลงานศิลปะแบบจริงจังสักแห่ง


นี่อาจจะเป็นครั้งแรกของกาญจนบุรีที่มี “เวที” ให้ศิลปินได้แสดงผลงาน เมื่อ จัมโบ้ จตุพรไพศาล และจิตตินทร์ ฤทธิรัตน์ เจ้าของโรงแรมบูทีคเก๋ชิคอย่าง The Journey House กาญจนบุรี จัดงานเปิด The Gallery Art & Coffee & MORE พร้อมๆ กับจัดงาน 1st Arts & Music In The Garden @ The Journey House เพื่อแสดงนิทรรศการศิลปะและดนตรีภายในสวนที่ร่มรื่น ระหว่างวันที่ 6 – 12 ธันวาคม 2558 ณ The Journey House อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีศิลปินแห่งชาติและกวีซีไรต์อย่าง อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เป็นประธาน พร้อมด้วย อาจารย์สมพง อดุลยสารพัน ศิลปินแนว Surrealism ชื่อดังของเมืองไทย ร่วมงาน


“เราอยากให้บ้านเรา(กาญจนบุรี)มีหอศิลป์ การที่เราเปิดแกลลอรี่ตรงนี้เป็นการจุดประกายให้คนที่อยู่ในวงการศิลปะได้กลับมามีลมหายใจ การจำหน่ายภาพได้คือการต่อชีวิตของศิลปิน แต่ความสุขที่แท้ของศิลปินคือการที่มีคนมาเสพผลงานศิลปะของเขา มาชื่นชมผลงานของเขา มาเห็นคุณค่าในงานของเขา นี่คือการต่อลมหายใจ


นอกจากนี้เราอยากให้งานนี้เป็นเแรงบันดาลที่ถ่ายทอดไปสู่เด็กๆ รุ่นใหม่ให้เขาเข้าใจในศิลปะ มีอารมณ์ร่วมกับธรรมชาติ ซึ่งถ้าเขาเข้าใจเขาจะอ่อนโยน เขาจะข้ามพ้นอารมณ์ของคนโดยทั่วไปในปัจจุบันที่เอาแต่เซลฟี่ กดไลน์ ดูเฟซบุ๊ค แต่ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับชีวิตของตัวเองและตามหาตัวตนของตัวเอง เราเลยคุยกับปู(จิตตินทร์)ว่า เราจะทำบ้านเป็นโรงแรม และจะทำโรงแรมแห่งนี้เป็นแกลลอรี่ ให้มีงานศิลปะถูกถ่ายทอดสู่มนุษย์ทุกคน” จัมโบ้ จตุพรไพศาล กล่าว


ด้าน อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติที่เป็นชาวกาญจนบุรีโดยกำเนิด กล่าวว่า ธรรมชาติเป็นหัวใจของกาญจนบุรี และธรรมชาติคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนโหยหา


“ผมใฝ่ฝันมานานแล้วว่า จะทำยังไงให้เมืองกาญจน์ปรากฏและประจักษ์ความเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว ไม่ใช่เพื่อการโฆษณา ไม่ใช่เพื่อธุรกิจค้าขายเพียงเท่านั้น แต่สิ่งดีๆ งามๆ ของเมืองกาญจน์ที่มีอยู่ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและทรงค่า ถ้ามีคนเข้าใจและมองเห็น ก็จะสามารถสร้างสรรค์สิ่งมีค่าเหล่านี้ให้มีมูลค่าเพิ่ม เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับคุณค่าที่เรามีอยู่ นั่นก็คือธรรมชาติ”


ฉะนั้นการนำศิลปะมาจัดแสดงท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งที่แท้แล้วธรรมชาตินั่นเองที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ จึงเท่ากับเป็นการสร้างความกลมกลืนให้กันและกันอย่างงดงามน่าชื่นชม


“สถานที่แบบนี้ผมอยากให้มีมากๆ และผมดีใจที่มันเกิดขึ้นในบ้านผม ในเมืองกาญจน์ ผมใฝ่ฝันจะให้มีสิ่งนี้เกิดขึ้นในทุกจังหวัด รู้สึกว่าเมืองกาญจน์มีอะไรดีๆ แบบนี้เยอะ มีอะไรที่ดีและกลมกลืนกับธรรมชาติ ก็มีแต่ศิลปินเท่านั้นแหละที่จะเข้าใจสิ่งนี้ เพียงแต่จะถ่ายทอดยังไงให้เป็นงานศิลปะ ผมขอให้งานครั้งนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่เราจะอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างสงบสุขต่อไป” อาจารย์เนาวรัตน์ บอก


สำหรับศิลปินที่ร่วมจัดแสดงงานในครั้งนี้ได้แก่ ครูเล็ก - มิตรชาย ชื่นเงิน ศิลปินเจ้าของโรงเรียนสอนศิลปะ “บ้านเจ้าชายน้อย” และ อุ้ย-ไพศาล จึงสุวดี ศิลปินวาดภาพเหมือนชื่อดัง


ผลงานของครูเล็กมีทั้งภาพพระพิฆเนศที่เกิดจากจินตนาการ รวมถึงภาพชาวนาและภาพต้นไม้ดอกไม้ที่กำลังผลิบาน ซึ่งเป็นผลงานแนวอิมเพรสชั่นนิสม์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปินระดับโลก วินเซนต์ แวน โก๊ะ เพราะฉะนั้นนอกจากความสวยงามสมบูรณ์แล้ว ภาพทุกภาพของเขายังถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกที่ศิลปินต้องการสะท้อนออกมาได้อย่างดีด้วย


“ผมคิดมากกว่าการวาดภาพให้มันสวย วาดภาพให้มันเหมือน มากกว่านั้นคืออะไร มันต้องมีหน้าที่ ทุกคนเกิดมาต้องมีหน้าที่ สมมติคุณเป็นคนขายก๋วยเตี๋ยวคุณก็ต้องทำให้ก๋วยเตี๋ยวให้ดีให้ปลอดภัย คุณเป็นคนเก็บขยะคุณต้องเก็บขยะให้ดีที่สุด มนุษย์เกิดมามีแค่นี้เอง เพราะฉะนั้นศิลปินเกิดมาวาดภาพเพื่อร่ำรวยอย่างเดียวผมว่ามันน้อยเกินไป งานศิลปะที่ดีที่สุดมันควรจะตอบแทนอะไรบางอย่าง ซึ่งที่ผมใช้ทองในงานภาพชาวนาเพราะผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่สีเหลือง แต่มันมีคุณค่าในรวงข้าว ข้าวแต่ละเม็ดที่ทำมาชีวิตเขาลำบาก ผมไปอยู่กับเขา ไปนั่งคุย รู้ว่าเขาลำบากกว่าจะได้ข้าวมา ไปใช้หนี้ค่าปุ๋ยค่าโน่นค่านี่ สุดท้ายก็เป็นหนี้เหมือนเดิม วงจรชีวิตเป็นแบบนี้ มันก็เลยเป็นภาพที่ออกมาไม่ใช่สีเหลือง แต่มันเป็นสีทอง มันมีคุณค่ามาก”


อีกหนึ่งศิลปินอย่าง อุ้ย – ไพศาล จึงสุวดี ที่นำผลงานภาพเหมือนและภาพวิวทิวทัศน์มาจัดแสดงในครั้งนี้บอกว่า ความยากของศิลปะไม่ได้อยู่ที่จินตนาการ แต่อยู่ที่การเติมจินตนาการให้สมบูรณ์มากกว่า


“ทำมาหมดแล้ว portrait แบบทำรูปเด็กตายให้มีชีวิต หลับตาอยู่ให้ลืมตา ให้ยิ้ม หรือให้เปลี่ยนทรงผม ใส่สี เอาอันนั้นเข้าอันนี้ออก แต่ยากสุดที่เคยทำคือรูปเบลอ รูปเก่าๆ ที่ต้องใช้จินตนาการว่ารูปสมบูรณ์เป็นไง แล้วต้องลงมือเขียนออกมา เล็ก เบลอ ซีด นี่คือยากมาก”


นอกจากผลงานศิลปะยังมีดนตรีหลากหลายแนวให้ฟังสบายๆ หรือใครจะเดินเข้าไปสั่งกาแฟมาดื่มเคล้าเสียงดนตรีและภาพศิลปะในสวนก็สามารถทำได้แบบชิลล์ๆ ซึ่งงานนี้จะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 12 ธันวาคม 2558 ใครสนใจต้องรีบไป เพราะรายได้นอกจากจะช่วยเยียวยาหัวใจศิลปินแล้ว ส่วนหนึ่งยังเป็นการทำบุญร่วมกับ “กองทุนตามหาช้างเผือก” เพื่อพัฒนางานศิลปะและให้โอกาสเด็กและผู้ใหญ่ที่สนใจงานศิลปะในจังหวัดกาญจนบุรีด้วย


“เราเปิดแกลลอรี่ตรงนี้เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเห็นงานศิลปะ และมีโอกาสแบ่งปันความสุข แบ่งปันชีวิต และมีจุดมุ่งบหมายที่จะไปในทิศทางเดียวกันคือคืนสู่ธรรมชาติ แล้วคงไว้ซึ่งคุณค่าของงานศิลปะ เพื่อต่อลมหายใจให้ศิลปินได้ยืนหยัดและยืนยงอยู่บนผืนแผ่นดินนี้” จัมโบ้ สรุป