'เรืองไกร'จี้เรียกเงินคืน สร้างอุทยานราชภักดิ์ 46 ล้าน

'เรืองไกร'จี้เรียกเงินคืน สร้างอุทยานราชภักดิ์ 46 ล้าน

"เรืองไกร"ยื่นหนังสือให้สตง. เรียกเงินคืนจากโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ จำนวน 46,943,800 บาท

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือให้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เรียกเงินคืนจากโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ จำนวน 46,943,800 บาท จากที่ได้ติดตามตรวจสอบโครงการ พบว่า อาจมีการใช้งบประมาณแผ่นดินไปในลักษณะผิดประเภท หรือผิดวัตถุประสงค์หรือไม่เนื่องจากมีการใช้งบกลางไปจัดหาวัสดุคือหินอ่อนและหินแกรนิต เพื่อใช้ประกอบการก่อสร้างฐานแท่น และลานบันไดในโครงการอุทยานราชภักดิ์ กรณีดังกล่าวมีการระบุว่าเป็นการจัดหาวัสดุที่เป็นทรัพย์สินถาวรใหม่ของกองทัพบก

แต่ในความเป็นจริงกลับนำทรัพย์สินนั้นไปติดตั้งบนทรัพย์สินถาวรของอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่กองทัพบก กรณีดังกล่าวอาจมีลักษณะที่หลีกเลี่ยงระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และไม่เป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังที่ดีหรือไม่นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า ในการใช้เงินลักษณะที่คล้ายกัน สตง. เคยมีหนังสือทักท้วงมาแล้ว เห็นได้จากหนังสือด่วนมากที่ ตผ 0004/ 3484 ลงวันที่ 29 ก.ค. 2551 เรื่องการจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์ เพื่อให้หน่วยงานราชการอื่นยืมใช้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่อมา สตง. ทักท้วงว่า ทำไม่ได้

ดังนั้นกรณีการใช้งบกลางของกองทัพบกไปจัดหาทรัพย์สินถาวรให้หน่วยงานอื่นได้กรรมสิทธิ์ไปเลยนั้น น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องจึงขอนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นบรรทัดฐาน เพื่อให้ สตง. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตรวจสอบ ว่า จะต้องมีการเรียกเงินแผ่นดินคืน 46,943,800 บาท จากการใช้งบประมาณแผ่นดินในโครงการอุทยานราชภักดิ์หรือไม่อย่างไรก็ตาม นายเรืองไกร ยืนยันว่า ตนไม่มีหน้าที่ไปชี้ถูกหรือผิด เพราะเป็นหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตนเพียงยื่นเอกสารทางราชการ และมองว่าสตง.ทำงานได้รวดเร็ว อีกทั้งกองทัพและคสช.ไม่ได้ห้ามตนตรวจสอบ เพราะตนไม่ได้นำไปตีข่าวหรือขยายผล เป็นการยื่นเอกสารตามปกติตามที่นายกรัฐมนตรีให้การสนับสนุน

นายพิสิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) กล่าวว่า จะทำการตรวจสอบงบกลางที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติกว่า 63 ล้านบาทในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์และเงินจากหน่วยงานภาครัฐที่สนับสนุนการจัดสร้างจากต้นทางไปปลายทางที่เบิกจ่ายและปลายทางที่รับเงิน อีกทั้งตรวจสอบเงินจากผู้บริจาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับรัฐอีกด้วย โดยขณะนี้เพิ่งผ่านปีงบประมาณ 2558 หน่วยงานต่างๆเพิ่งทยอยส่งเอกสารมายังสตง. ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบต่อไปทั้งนี้ ตนยังไม่สามารถระบุตัวเลขงบประมาณการจัดสร้างได้ทั้งหมด แต่เงินที่ใช้งบประมาณจากรัฐและเงินสนับสนุนจากรัฐด้วยกันก็ตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่เงินบริจาคตนยังไม่ทราบว่าจำนวนเท่าใด ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบหาหลักฐาน ส่วนค่าส่วนต่างนั้นต้องมีหลักฐานชัดเจน จะใช้เพียงความรู้สึกตัดสินไม่ได้นอกจากนี้หากสตง.ตรวจสอบพบใช้เงินไม่ถูกต้อง มีการทุจริตจริง ก็จะส่งให้พนักงานสอบสวนต่อไป พร้อมยืนยันว่าไม่มีความพิเศษใดๆ หรือเกรงใจใครในการตรวจสอบ เพราะต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย