กมธ.กฏหมายฯสปท.ชงเลือกตั้งผบ.ตร.

กมธ.กฏหมายฯสปท.ชงเลือกตั้งผบ.ตร.

"อำนวย"ชง ปฏิรูปตำรวจ เลือกตั้งผบ.ตร. ระบุเลือกจากรองผบ.ตร. 12 คนให้เหลือ 3 คน แล้วส่งรายชื่อทั้ง 3 คนไปให้ตำรวจทั่วประเทศพิจารณา

พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษกคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกฏหมายและกระบวนการยุติธรรม แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้ขับเคลื่อนการปฏิรูปเรื่องดังต่อไปนี้ 1.ปฏิรูปกิจการตำรวจ โดยให้มีการปฏิรูปการบริหารงานบุคคลให้ปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง โดยมีการเสนอแก้ไขพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ที่ทำให้ตำรวจอ่อนแอ เนื่องจากมีนักการเมืองเข้ามาแทรกแซง ตามมาตรา 53(1)(2) ที่ระบุให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานก.ตร.และประธานก.ต.ช.ที่มีอำนาจแต่งตั้ง ผบ.ตร.และรองผบ.ตร หรือมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแทน ซึ่งฝ่ายการเมืองก็ต้องตั้งคนของตัวเองขึ้นมา รอง ผบ.ตร.ที่อยากเป็น ผบ.ตร.ก็ต้องเดินตามนักการเมือง ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีการเสนอให้ตัดมาตราดังกล่าวออกไป เพราะไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาแทรกแซง

โดยให้เปลี่ยนเป็นว่า ต่อไปนี้ให้เป็นการเลือกผบ.ตร.แทน โดยเลือกจาก รอง ผบ.ตร.12 คนให้เหลือ 3 คน แล้วส่งรายชื่อทั้ง 3 คนไปให้ตำรวจทั่วประเทศพิจารณา พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ก่อนให้ตำรวจทั่วประเทศเข้าคูหากากว่าจะเลือกใคร แล้วให้แต่ละภาคส่งคะแนนให้ส่วนกลางก่อนประกาศว่าใครจะได้เป็น ผบ.ตร.โดยเรื่องดังกล่าวทางสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ส่งแนวทางการการปฏิรูปดังกล่าวไปยังครม.แล้ว ซึ่งครม.ก็เห็นชอบโดยเฉพาะที่ไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงกิจการตำรวจ

"การปฏิรูปตำรวจในครั้งนี้ ต้องแก้ พ.ร.บ.ตำรวจ ซึ่งบางเรื่องผมจะเสนอให้นายกฯใช้มาตรา 44 ดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งนายตำรวจ เพราะหากปล่อยเลยผ่านให้ถึงรัฐบาลรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แสงหิ่งห้อยจะสว่างกว่า เพราะไม่มีนักการเมืองคนไหนยอมให้อำนาจตัวเองลดลง ซึ่งที่ประชุมยังได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปตำรวจ ขึ้นมา 1 คณะ เพื่อทำเรื่องการปฏิรูปตำรวจโดยเฉพาะ"พล.ต.ท.อำนวย กล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติให้ปฏิรูปงานสอบสวนเพื่อให้เกิดปฏิรูปแก่ประชาชนมากที่สุด พร้อมให้ปฏิรูปการแต่งตั้งโยกย้ายโดยยึดระบบคุณธรรม ป้องกันการซื้อขายตำแหน่ง เพราะหากยังมีการซื้อตำแหน่งก็ยังมีการถอนทุนกันอยู่ต่อไป รวมทั้งการสร้างความมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกิจการตำรวจ การถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช้ภารกิจหลักของตำรวจไปให้หน่วยงานอื่นดูแล และการปฏิรูปงานนิติวิทยาศาสตร์

อีกทั้งยังเสนอให้มีการปฏิรูปองค์กรทนายความ โดยเฉพาะทนายความอาสา และทนายขอแรง ให้มีคุณภาพและคุณสมบัติที่เหมาะสม มีการอบรบ วัด และประเมินผล รวมทั้งปรับปรุงค่าตอบแทนของทนายความให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ยังเสนอให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว กับผู้ต้องหาที่ปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อป้องกันการหลบหนีด้วย