รวบ3โจ๋ใช้มีดฟันเหยื่อสาวเพื่อปล้นทรัพย์ เร่งไล่ล่าอีก1

รวบ3โจ๋ใช้มีดฟันเหยื่อสาวเพื่อปล้นทรัพย์ เร่งไล่ล่าอีก1

"นครบาล" แถลงรวบ3โจ๋ ใช้มีดฟันเหยื่อสาว เพื่อปล้นทรัพย์ สารภาพเสพยา4คูณ100 ก่อนวางแผน ชาวบ้าน-ญาติรุมประชาทัณฑ์เล็กน้อย ตร.เผยเร่งไล่ล่าอีก1

จากเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธมีดและของแข็งทำร้ายร่างกาย น.ส.ภาณุรัตน์ อายุ 22 ปี และบิดาได้รับบาดเจ็บ ขณะที่กำลังเดินเข้าบ้านพักในซอยศรีนครินทร์ 11 โดยคนร้ายได้รัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และเงินสดอีกกว่า 1 พันบาท เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.30 น.วันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ภายหลังตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับสามารถติดตามโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายกลับมาได้ 1 เครื่อง

ล่าสุด ที่สน.ประเวศ เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผบช.น. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ศราวุธ จิตต์ระเบียบ รองผบก.น.4 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล รองผบก.น.4 พ.ต.อ.สุเทพ ชนะสิทธิ์ ผกก.สส.กก.บก.น.4 พ.ต.อ.เมธา เจียมไกรศรี ผกก.สน.ประเวศ พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง รรท.รองผกก.สส.สน.ประเวศ และ พ.ต.ต.ธงชัย แก้วทา สว.สส.สน.ประเวศ ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายเอกรินทร์ ทะสา หรือ ฮารูณ อายุ 20 ปี ชาวจังหวัดมหาสารคาม, นายอัศดา นิติสาขา หรือแมว อายุ 19 ปี ,นายพล (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และ นายอนุชา แก้วกุดฉิม หรือ กอล์ฟ ซึ่งรับซื้อโทรศัพท์จากกลุ่มผู้ต้องหา (ฝากขังแล้วที่ศาลแขวงพระโขนง)

พร้อมของกลางเป็น โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ8 จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน รุ่น4 จำนวน 1 เครื่อง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีน้ำตาล-ดำ หมายเลขทะเบียน อขบ-43 กทม. โดยสามารถจับกุมอนุชาได้บริเวณอุดมสุข25 ส่วนนายเอกรินทร์, นายอัศดา และนายพล (นามสมมติ) ได้ที่ย่านสุวินทวงศ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. เบื้องต้นถูกแจ้งข้อกล่าวหา ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือ พาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือ ร่วมกันรับของโจรที่ได้มาจากการปล้นทรัพย์

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่22พ.ย. ได้เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 4 คน ใช้รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน ออกตระเวนปล้นทรัพย์ โดยแบ่งหน้าที่กันทำ นายเอกรินทร์มีหน้าที่เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีน้ำตาล-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และมีนายอัศดา เป็นผู้ซ้อนท้าย พร้อมกับพกอาวุธมีดอีโต้ ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร จำนวน 1 เล่ม และมีหน้าที่เข้าไปปล้นทรัพย์ ส่วนนายพรชัย สิงสาหัส หรือ โห้ ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาว-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และมีนายพล(นามสมมติ) เป็นผู้ซ้อนท้าย คอยทำหน้าที่ดูต้นทาง เพื่อให้นายเอกรินทร์ และนายอัศดา เป็นผู้ก่อเหตุ

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า ระหว่างที่กลุ่มผู้ต้องหาขับตระเวนจากซอยสุวินทวงศ์30/2 จนถึงซอยศรีนครินทร์11 แล้วพบกับผู้เสียหาย ขณะเดินลงจากรถประจำทาง พวกตนจึงขับมุ่งหน้าไปทางกลับรถ เพื่อมาให้ทันผู้เสียหาย แต่เมื่อมาถึงพบว่าผู้เสียหายกำลังเดินในซอย พร้อมกับบิดาที่มารอรับ ผู้ต้องหาทั้ง 4 จึงขับเข้าไปประกบข้าง โดยนายเอกรินทร์จะขับรถจักรยานยนต์เข้าไป แล้วนายอัศดา จะกระชากกระเป๋าที่ผู้เสียหาย แต่รถจักรยานยนต์คันที่ขับมาได้เสียหลักล้มลง นายเอกรินทร์ จึงลุกขึ้นแล้วใช้เท้าถีบบิดาของผู้เสียหาย ก่อนที่นายอัศดา จะเข้าไปกระชากกระเป๋าของผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ยอม จึงใช้อาวุธมีดฟันเข้าที่แขนขวาหลายครั้ง จนผู้เสียหายยอมปล่อยกระเป๋า และขับรถหลบหนีไป

จากการสืบสวนทราบว่า หลังจากก่อเหตุนายเอกรินทร์ได้นำโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ8 ไปขายที่นายอนุชา จำนวนเงิน 9,000 บาท ซึ่งนำเงินที่ขายโทรศัพท์ได้มาแบ่งให้นายอัศดา จำนวนเงิน 2,000 บาท ส่วนเงินที่เหลือจากการขายโทรศัพท์ได้นำไปเที่ยวเตร่

ขณะที่ นายอัศดา ให้การว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่เกิดเหตุได้ไปนั่งเล่นที่บ้าน ซอยสุวินทวงค์5 โดยมีการดื่มกินสารเสพติด 4 คูณ 100 หลังจากนั้น นายเอกรินทร์ได้ชักชวนเพื่อนๆไปก่อเหตุ โดยเสนอว่า“อยากมีเงินใช่ไหม” ซึ่งตนก็เห็นด้วย จึงได้ตระเวนไปตามทางเรื่อยๆตั้งแต่เวลาประมาณ02.00น. จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.00น. พบผู้เสียหายกำลังลงจากรถประจำทาง ระหว่างซอยศรีนครินทร์ 7-9 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะเช้าแล้ว จึงตัดสินใจที่จะก่อเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ฟันผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บนั้น เนื่องจากตนมีอาการมึนเมาสารเสพติดดังกล่าว

“จากเหตุการณ์ดังกล่าวผมรู้สึกสงสารผู้เสียหาย และอยากจะเตือนให้คนที่คิดจะก่อเหตุในลักษณะนี้ อย่าทำแบบผมเลย เพราะสิ่งที่ได้มามันไม่คุ้มเสีย” นายอัศดา ระบุ

ระหว่างแถลงข่าวทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญนายชัยวัฒน์ อายุ 53 ปี และนางสาวภาณุรัตน์ อายุ 22 ปี ผู้เสียหายมาชี้ตัวผู้ก่อเหตุด้วย ซึ่งนายชัยวัฒน์ได้มีการว่ากล่าวตักเตือนผู้ก่อเหตุ และนายอัศดา ได้ก้มลงกราบ เพื่อขอขมาต่อผู้เสียหายทั้ง2 คน

ทั้งนี้ทราบว่า นายเอกรินทร์ เคยถูกจับกุมในข้อหาพรากผู้เยาว์ จำคุกที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี และเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อ2เดือนที่แล้ว ส่วนนายอัศดา เคยถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติดและลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัว และนายพล (นามสมมติ) เคยถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท5(กัญชา)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการทำแผนประกอบคดี ตำรวจได้บอกกับประชาชนที่มายืนดูเหตุการณ์พร้อมประชาสัมพันธ์ไม่ให้ทำร้ายหรือรุมประชามัณฑ์ผู้ต้องหา แต่ทันทีที่ผู้ต้องหาลงมาจากรถตู้ตำรวจ ได้มีประชาชนที่ทนกับการกระทำของกลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้เข้ารุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา ทั้งต่อย ตบศีรษะ และได้ใช้หมวกกันน็อคฟาดเข้าไปที่นายแมว ทำให้เกิดความชุลมุนเล็กน้อยก่อนการทำแผน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องชี้แจงกับประชาขนให้เข้าใจก่อนจะเริ่มทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อจนเสร็จสิ้นด้วยความเรียบร้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังการชี้จุดทำแผนผู้ต้องหาได้กราบขอขมาผู้เสียหายทั้งสองคน ซึ่งนายชัยวัฒน์ พ่อของนางสาวภาณุรัตนได้ให้อภัยพร้อมบอกกับผู้ต้องหาให้กลับตัวกลับใจเป็นคนดี อย่าสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นอีก นอกจากนี้ยังมีการแจกโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์เตือนภัยในรูปแบบต่างๆ ให้กับประชาชนอีกด้วย  ก่อนที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหากลับไปที่ สน.ประเวศ และเตรียมนำตัวส่งศาลแขวงพระโขนงฝากขังต่อไป