'พล.อ.อุดมเดช' แจงไม่ลาออก รอผลสอบอุทยานราชภักดิ์

'พล.อ.อุดมเดช' แจงไม่ลาออก รอผลสอบอุทยานราชภักดิ์

"พล.อ.อุดมเดช" รมช.กลาโหม แจงไม่ลาออก รอผลสอบอุทยานราชภักดิ์ เผยเชื่อว่ามีความพยายามทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาล

เมื่อเวลา 08.40 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ฐานะประธานมูลนิธิราชภักดิ์ กล่าวถึงการตั้งคระกรรมการตรวจสอบการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า คณะกรรมการฯที่ทางหน่วย ได้ตั้งขึ้นมานั้น ได้ชี้แจงกับคณะกรรมการของกองทัพบกไปแล้ว และขณะนี้ก็ต้องรอการตรวจสอบของกระทรวงกลาโหมให้ดำเนินการก่อน ตนอยากเรียนว่าในการทำงานที่ผ่านมา ทั้งตอนเริ่มทำโครงการอุทยานราชภักดิ์จนถึงที่ตนเกษียณอายุราชการ มีความตั้งใจเรื่องความความโปร่งใส ในการจัดสร้าง แต่ตั้งแต่ที่ตนเกษียณอายุราชการ ก็ไม่ได้นำเอกสารอะไรติดตัวมา มีแต่ความเข้าใจของการดำเนินการในส่วนของงานต่างๆ อย่างไรก็ตามข้อมูลก็มีข้อมูลอยู่กองทัพบก ซึ่งขณะนั้นในการทำงานก็มีคณะกรรมการมาทำงานในขั้นตอนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการดำเนินการ และคณะอนุกรรมการต่างๆ

“ผมยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ โดยเฉพาะจุดประสงค์การตั้งโครงการก็เพื่อให้ประชาชนได้มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจทำให้เป็นสมบัติของชาติ และรำลึกสิ่งที่มีพระคุณต่อชาติ เราไม่คิดที่จะหวังเอาประโยชน์อะไรจากสิ่งเหล่านี้ มีแต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้โครงการนี้ดำเนินไป แม้แต่ว่าทุนทรัพย์ของเราหรือการบริจาคจากคนที่เรารู้จักที่ได้ชักชวนมาก็ตาม” พล.อ.อุดมเดช กล่าว

พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ตนได้ให้นโยบายผู้ใต้บังคับบัญชาในขณะนั้นว่าการทำงานต้องทำให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ และในวันนี้ถ้ามีสิ่งใดที่อาจมีคนไม่เข้าใจ หรือจะไม่ปรารถนาดีอย่างไรก็แล้วแต่ แต่เชื่อว่าทุกคนคิดได้ แต่ที่หนักใจกับการที่มีคนไม่ปรารถนาดีทำให้อุทยานราชภักดิ์เสื่อมเสีย ซึ่งสื่อบางสำนักก็ให้ข้อมูลดี แต่บางสำนักก็ได้มีการวิเคราะห์วิจารณ์ที่ไม่เป็นธรรม พวกเราทั้งหมดหมายถึงทหารและข้าราชการส่วนใหญ่ทำงานด้วยความตั้งใจเพื่อสิ่งที่เรารักและหวงแหนตั้งแต่เป็นนายทหารชั้นผู้น้อยจนถึงระดับสูงก็ได้ต่อสู้กับพวกที่จาบจ้วงในสิ่งที่เรารักและเคารพเสมอมา โครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นชิ้นหนึ่งและเป็นชิ้นสุดท้ายในฐานะที่ตนเกษียณเมื่อปีที่ผ่านมา ตนและกองทัพบกระลึกเสมอมาว่าเรามีศักยภาพที่จะทำอะไรขึ้นมาให้มากกว่าการเป็นทหารชั้นผู้น้อย จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจโดยเฉพาะที่ให้การสนับสนุนหรือผู้บริจาค ตนจะพยายามรักษาศรัทธานั้น ถ้าอุทยานราชภักดิ์ไม่ปรากฏให้เห็นอย่างปัจจุบันนี้คนที่บริจาคเงินก็คงตั้งข้อสังเกต แต่ขณะนี้เสร็จจนสามารถเปิดให้เข้าชมได้ถือว่าสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ยังมีสิ่งที่ต้องทำต่อไปเล็กน้อยซึ่งเป็นหน้าที่กองทัพบกและมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ต่อไป

“ยืนยันว่า ผมก็รอผลสอบอยู่ที่นอกจากคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมยังมีคณะกรรมการชุดของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็สามารถตรวจสอบได้ ผมคาดหวังว่าการชี้แจงต่อกระทรวงกลาโหมครั้งนี้คงลงลึกถึงรายละเอียดให้ประชาชนเข้าใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับเงิน หรือจ่ายเงินต่างๆ หวังว่ากระทรวงกลาโหมหลังจากตรวจสอบแล้วจะสามารถชี้แจงต่อไปได้ ผมไม่ขอก้าวก่ายการตรวจสอบ” พล.อ.อุดมเดช กล่าว

เมื่อถามว่าในระหว่างที่มีการตรวจสอบขณะนี้จะยังคงดำรงตำแหน่งรมช.กลาโหมต่อไปหรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า “ขณะนี้ผมก็ยังปฏิบัติงานเป็นปกติ คนทำงานในรัฐบาลทุกคนต่างมีภาระหน้าที่ ไม่ต้องห่วงเพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลได้บอกแล้วว่าพวกเราทุกคนไม่มีอะไรนอกจากใจที่เข้าทำงานให้สำเร็จลุล่วง ถึงเวลาก็ต้องไปไม่ช้าก็เร็ว แต่ไม่ได้ต้องการที่จะผูกในตำแหน่งหน้าที่ที่ยาวนาน จะอยู่เท่าที่จำเป็น”

ต่อข้อถามว่ามีความหนักใจหรือไม่จากกระแสดังกล่าว พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า “ยืนยันว่าไม่หนักใจเพราะเราทำดี แต่อาจมีบางคนที่นั่งยิ้มอยู่เพราะสิ่งที่เรากำลังทำสามารถยิงนกได้หลายตัว ลองคิดดูแล้วกันว่าคนที่พยายามทำให้สีขาวเป็นสีขาวกับคนที่พยายามให้สีขาวเป็นสีดำหากเขาทำสำเร็จประเทศชาติก็อันตราย แต่ไม่อยากจะพูดว่าคนๆ นั้นเป็นใคร อะไรที่กำลังกระโดดลงมาก็ไปดูกันเองแล้วกัน แต่ผมจะไม่ไปให้ร้ายใคร ตอนผมเป็นผบ.ทบ.ก็มีเสียงตอบรับว่ากองทัพมีความพึงพอใจ เพราะเราได้ช่วยรัฐบาลในการควบคุมสถานการณ์ ทั้งในเรื่องการพูดคุย การสร้างความปรองดอง ถ้าพวกเรามีความเป็นธรรมแล้วมองย้อนหลังกลับไปก็จะรู้ว่าเราตั้งใจทำงาน และภายหลังที่ตนไปชี้แจงกับกองทัพบกสิ่งที่กองทัพเปิดเผยมานั้นก็มีความเป็นธรรม ซึ่งผมไม่ได้พูดคุยอะไรกับพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.เพราะหากพล.อ.ธีรชัยเห็นอย่างไรก็ตรวจสอบออกมาเช่นนั้น แต่บางเรื่องอาจลงรายละเอียดไม่พอจึงต้องอาศัยคณะกรรมการชุดอื่นเข้าตรวจสอบด้วย