SCC - ซื้อ

SCC - ซื้อ

ประเด็นหลักจากงาน Dinner Talk

ประเด็นการลงทุน

เราได้จัดงาน SCC Dinner Talk ในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีคุณรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ซึ่งจะเป็น CEO คนต่อไปและคุณเชาวลิต เอกบุตร CFO เป็นผู้บรรยาย ในมุมมองของเรา กลยุทธ์ของ SCC ในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนน่าจะช่วยให้ SCC เป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าลงทุนมากที่สุดในระยะยาว ถึงแม้กำไรในระยะสั้นมีแนวโน้มไม่น่าตื่นเต้นนักเนื่องจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีมีแนวโน้มแตะจุดสูงสุดไปแล้ว ในขณะที่ธุรกิจซีเมนต์กำลังเผชิญหน้ากับอุปทานที่เพิ่มขึ้น แต่เราเชื่อว่ามูลค่าการซื้อขายที่ปรับตัวลงมาได้สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการดังกล่าวแล้ว

SCC โฉมใหม่

คุณรุ่งโรจน์ กล่าวว่ากลยุทธ์หลักของ SCC (รขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ ASEAN และการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง [HVA] ) ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงหลังการเข้ามาบริหารของตนในปีหน้า โดย ASEAN Economic Community (AEC) ที่มีผลบังคับใช้ในปีหน้าน่าจะเปิดโอกาสให้ SCC สามารถขยายธุรกิจในภูมิภาคได้รวดเร็วมากขึ้น แต่ก็จะนำมาซึ่งการแข่งขันที่สูงขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตามผู้บริหารเชื่อว่าการพัฒนาสินค้าและการบริการจะช่วยรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้นดังกล่าว รวมทั้งทำให้บริษัทโดดเด่นกว่าคู่แข่งได้ ทั้งนี้ SCC ตั้งเป้าเป็นบริษัทที่เน้นความสนใจต่อลูกค้า พร้อมทั้งนำความต้องการของลูกค้ามาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการเหล่านั้น นอกจากนี้ เพื่อรองรับความผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของการแข่งขันทางด้านต้นทุน SCC จึงมีแผนที่จะทำให้โรงงานของบริษัทมีความยืดหยุ่นต่อการใช้วัตถุดิบมากขึ้น

ปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจซีเมนต์

ปี 2559 มีแนวโน้มเป็นปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจซีเมนต์ โดยโครงการสาธารณูปโภคของรัฐที่ล่าช้าและการบริโภคที่ชะลอตัว อุปสงค์ในประเทศในครึ่งแรกปี 2559 มีแนวโน้มเติบโตน้อยกว่าอุปทานที่เพิ่มขึ้นจาก TPIPL โดยเรามองราคาซีเมนต์มีแนวโน้มอ่อนตัวลงแต่ผู้บริหารเชื่อว่าจะไม่มีสงครามราคาเนื่องจากผู้ประกอบการซีเมนต์รายใหญ่ทั้งหมดใช้กำลังการผลิตค่อนข้างเต็มที่แล้ว ทั้งนี้ SCC มีนโยบายที่จะให้เน้นอัตรากำไรมากกว่าส่วนแบ่งตลาด

เรามองว่าความต้องการใช้ซีเมนต์ในประเทศพม่าอาจจะสะดุดระยะสั้นเนื่องจากการลงทุนต่างๆมีแนวโน้มชะลอตัวจนกว่าจะได้เห็นนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลใหม่ อย่างไรก็ตามผู้บริหารเชื่อว่าโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างต่างๆน่าจะช่วยหนุนอุปสงค์ในประเทศให้ยังสามารถขยายตัวต่อไปได้ และถึงแม้จะมีการชะลอตัว แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อโรงงานใหม่ของบริษัทซึ่งจะเริ่มดำเนินการผลิตกลางปี 2559 เนื่องจากกำลังการผลิตที่ 1.8 ล้านตัน ยังคงต่ำกว่ายอดส่งออกของ SCC ไปยังประเทศพม่าที่ 2.3 ล้านตันในปีนี้

โครงการปิโตรเคมีในเวียดนามล่าช้าออกไป

ผู้บริหารอัพเดทว่าโครงการปิโตรเคมีในประเทศเวียดนามจะถูกเลื่อนออกไปเนื่องจาก Qatar Petroleum (ถือหุ้น 25%) ถอนตัวจากโครงการ โดย SCC (ถือหุ้น 46%) Petro Vietnam และ Vinachem (ถือหุ้นรวมกัน 29%) กำลังหาทางออกที่ดีที่สุด แต่จะยังคงไม่มีความชัดเจนจนถึงกลางปีหน้า นอกจากนี้ความเสี่ยงอีกประเด็นที่อาจทำให้โครงการล่าช้าออกไปอีกคือการเปลี่ยนรัฐบาลเวียดนามชุดใหม่ในปีหน้า โดย Petro Vietnam และ Vinachem ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอาจต้องรอการตัดสินใจจากรัฐบาลชุดใหม่ก่อน