'ประยุทธ์'ไม่ขวางสตง.ตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์

'ประยุทธ์'ไม่ขวางสตง.ตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์

"พล.อ.ประยุทธ์"ไม่ขวางสตง.ตรวจสอบโครงการอรุทยานาชภักดิ์ เมินเพื่อไทยออกแถลงการณ์กดดัน"อุดมเดช" ย้อนถามเพื่อไทยคืออะไร"ไม่สน-ลืมไปแล้ว"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและอดีตผบ.ทบ.รับผิดชอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ด้วยการลาออกว่า“พรรคอะไรไม่รู้ ผมไม่สนใจ” จากนั้นพลเอกประยุทธ์ถามอีกครั้งว่า  “พรรคอะไรนะ” ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่าพรรคเพื่อไทย ซึ่งพลเอกประยุทธ์ ตอบกลับว่า “ผมไม่รู้จัก ไม่สนใจ”

"ท่านต้องฟังผม ไม่ใช่เอาคำถามที่เขาพูดมาแล้วมาถาม ไปถามคนพูดว่าพูดมาทำไม ไปต่อสู้ให้ผมบ้าง นายกฯทำแบบนี้ ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ไปแก้เรื่องผมกับเขา ไม่ใช่เอาสิ่งที่เขาพูดมาโจมตีผม แล้วเอาผมไปโจมตีเขา สนุกกันนักหรือ    ไม่เข้าใจ พูดกันกี่ทีแล้ว ผมไม่สนใจ ก็เลือกตั้งเข้ามาแล้วกัน เลือกเขาใช่ไหม ก็เลือกมาซิ"นายกฯ กล่าว 

เมื่อถามว่า ส่วนที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ตรวจสอบว่ามีการเบิกจ่ายงบฯกลาง63ล้านบาทไปใช้ในโครงการ นายกฯ กล่าวว่า "หน้าที่ของรัฐบาล งบฯกลางที่ขอมามีหลายหน่วยงาน ซึ่งส่วนนั้นเป็นงบฯกลาโหมที่ขอขึ้นมา เป็นโครงการของกองทัพบก ส่วนเขาจะไปใช้อะไรไปดูตรงโน้น ก็ตรวจสอบกันมา ถ้าเขามีการตรวจสอบการใช้งบฯตรวจบัญชีแล้วมันตรง มันก็โอเค แต่ไอ้ที่โกงกันไปก็ต้องไปหากันต่อ จะทำยังไงกับ 2-3 คนที่มันหนีๆพูดกันอยู่ ไปหามาสิ มันก็คือส่วนหนึ่งเท่านั้น" 

เมื่อถามว่าถ้าสตง.เข้ามาตรวจสอบ จะมีปัญหาหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า "ไม่เคยห้าม ก็ตรวจสอบไปตามระบบราชการ ใครจะตรวจสอบก็ตรวจสอบมา ซึ่งก่อนตรวจสอบจะทำเรื่องมาก่อน แล้วเราก็ทำเรื่องชี้แจงไป แล้วตรวจสอบหลักฐาน ถ้ามันไม่มีอะไรเขาก็ไม่ตรวจสอบ ถ้าเจอคนผิดก็ลงโทษทางวินัย ไล่ออก ปลดออก ถ้าเป็นคดีอาญาก็ดำเนินการตามปกติว่ากันไป ไม่ว่าจะโครงการอะไร มูลค่าเท่าไรใช้กฎหมายเดียวกัน ตรงนี้คือความเท่าเทียมของกฎหมาย ไม่ใช่ว่าตนเป็นคสช.แล้วจะมาปกป้องทหาร เขามีความเข้มแข็งของเขาอยู่แล้ว มันคือคนส่วนน้อย"

"ซึ่งผลสัมฤทธิ์มันก็ปรากฏอยู่ ถ้าเป็นการอ้างสถาบันหาผลประโยชน์รับไม่ได้ ท่านทรงพระเมตตาทุกคนอยู่แล้ว แต่ก็มาชอบทำกันแบบนี้ทำกฎหมายเสียหาย ทำให้สถาบันเสียหายไม่ได้"พลเอกประยุทธ์ กล่าว

"ราชภักดิ์เป็นโครงการมีประโยชน์ต่อแผ่นดิน มีเจตนาดี แต่มีส่วนหนึ่งเอาไปหาประโยชน์ อย่าไปตกเป็นเครื่องมือเขา ซึ่งก็มีลงโทษ ทั้งทางวินัย ถอดยศ ยึดเครื่องราช ส่วนทางอาญาก็ออกหมายจับ ทำตามกระบวนการทุกอย่าง กฎหมายก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่จะเลวไปทั้งหมด"พลเอกประยุทธ์ กล่าว 

เมื่อถามว่ามีการเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ นายกฯ ย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นว่า“รับผิดชอบเรื่องอะไร ไหนตอบมาสิ ปัดโธ่! และรัฐบาลนั้นรับผิดชอบไหมโครงการจับนำข้าว ก็ถามกันแบบนี้ เขามีหน่วยงานไม่รู้เท่าไร มีรองนายกฯ รัฐมนตรี อธิบดี ผอ.หน่วยงาน ก็ไปไล่สอบมา รัฐบาลต้องรับผิดชอบในทางนโยบาย ซึ่งก็ได้ให้ไปแล้ว และผมให้ก็ด้วยความสุจริต ผมไม่ได้ทำผิดอะไร ผมให้ถูกตามระเบียบถูกตามงบประมาณหรือเปล่า ถ้าผมให้ถูกระเบียบต้องรับผิดชอบอะไร คนรับผิดชอบคือคนที่เบิกผมไป ซึ่งเขาก็ตรวจแล้วให้ไปไล่ดู อย่ามาโยงกันแบบนี้ มันคนละเรื่อง ไอ้จำนำข้าวใครรับผิดชอบถามสิ   นายกฯเหรอ มันไม่ใช่ ต้องคณะกรรมการนโยบายจำนำข้าวที่ต้องรับผิดชอบ ใครล่ะเป็นประธาน  ที่เขาต้องเรียกค่าละเมิดในฐานะเขาเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว กำกับดูแลไปสิถ้านายกฯรับทั้งหมดมันใช่ แต่รับผิดชอบในเชิงนโยบาย ถ้ามันทำไปตามนโยบายที่ชอบทำถูกต้อง หรือจะมาบอกเป็นนโยบายของพรรค มันก็ไม่ใช่ แต่นี้เป็นโยบายรัฐบาลที่เจตนาโดยสุจริต  เพราะฉะนั้นอย่าเอาไปพันกัน ผมพูดตามคำศัพท์ของผม ไม่ใช่ตามหลักวิชาการ หรือกฎหมาย อย่ามาจับผิด-จับถูก คำถามว่าใครต้องรับผิดชอบอย่ามาถามผม" 

เมื่อถามว่า ห่วงว่าฝ่ายตรงข้ามจะนำประเด็นเหล่านี้ มาเป็นตัวทำลายศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า"คุณจะไปขยายความให้เขาทำไม ผมไปทำแล้วกี่หมื่นอย่าง ทำไปเป็นแสนอย่างแล้ว เรื่องตรงนี้ก็มาขยายกันอยู่ได้ ให้ไปสอบมันก็จบ ใครติดคุกก็ติดไปเถอะ ผมไม่ได้ไปช่วยเขา ถ้ายังขยายความแบบนี้ กระบวนการยุติธรรมก็เสียหาย ความเชื่อถือก็ไม่เป็นธรรม เลือกข้าง คดีอื่นๆเขาก็เข้ากันหมด มีบางคนที่ไม่ยอมเข้า จะผิดไม่ได้ ต้องถูกทั้งหมด แบบนี้จะอยู่อย่างไร จะเอาแบบนี้เหรอ ตนยังไม่ได้เข้าข้างใครสักคนเลย ความรับผิดชอบก็พูดกันอยู่นั้น รัฐบาลจะไม่อยู่ไม่ได้ ก็ให้รู้กันไป ถ้าจะไม่อยู่ไม่ได้ไอ้เรื่องแบบนี้ อะไรที่เป็นปัญหาเป็นอุปสรรคก็แก้ไป กฎหมายมีก็ทำไป วันนี้ประเทศติดไปเสียทุกอย่าง มัวแต่อยู่ในความขัดแย้ง ให้เข้าใจผมบ้างเข้ามาด้วยเพราะอะไร ไม่ได้เข้ามาเพื่อต่อสู้ปัญหาเก่าๆ ไม่ได้มาต่อสู้กับเขา ให้กระบวนการยุติธรรมไปทำมา"

"การทำทุกอย่างมันต้องมีปัญหา เพราะเราเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะทหาร ตำรวจหรือประชาชน ก็มีปัญหาทั้งนั้น ให้กลไกที่มีเขาทำไป ทำไมต้องมาแบ่งฝ่าย ผมไม่ใช่ฝ่ายใครทั้งนั้น ผมคือฝ่ายคน 70 กว่าล้านคน ยกเว้นไอ้คนไม่ดี ผมไม่ใช่ศัตรูใคร ไปเป็นศัตรูกฎหมายโน้น วันนี้ต้องการให้ตีกันอีก ต้องการให้มีผู้ชนะ-ผู้แพ้กันหรืออย่างไร คนแพ้ทั้งหมดคือประเทศชาติ และประชาชน จะอยู่ไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้น ถ้าทุกอย่างล้มไปก่อนปี 60 ก็ช่วยไม่ได้ ฉันก็พอแล้ว ก็ไปหาใครมาทำก็แล้วกัน ไม่ได้ต้องการสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลหรือคสช.สิ่งที่ทำอาจช้าบ้าง-เร็วบ้าง แต่กลับเอาเรื่องแบบนี้มาขยายความ ทำเพื่ออะไร ผมก็ไม่รู้"นายกฯกล่าว 

เมื่อถามว่าคนที่ถูกออกหมายจับเป็นคนใกล้ชิดพล.อ.อุดมเดช   นายกฯ กล่าวว่า ต้องแยกออกจากกัน คนใกล้ชิดทำผิดใช่หรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นต่อไปคนใกล้ชิดทำผิดก็ต้องลาออกไปให้หมด คนในกระทรวง ลูกน้องทำผิด แล้วต้องลาออกอย่างนั้นเหรอ  เมื่อมีกฎหมายอยู่ จะมาบอกเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองหรือ ก็เอาไปคิดกัน 

"จะผิดจะถูกเขาคิดกันอยู่ มีวิจารณญาณของเขาเอง"นายกฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ในตอนท้ายพลเอกประยุทธ์ได้ตอบคำถามและเลียนแบบการตอบคำถามของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวิธีการตอบคำถามสื่อมวลชนว่า “คนที่เคยอยู่การเมืองแล้วไม่รับผิดชอบ ทำไมไม่ไล่เขา สื่อเคยถามเขาแบบนี้หรือเปล่า  พอถามแล้วเขาตอบว่อย่างไร "ไปแล้วค่ะ"แบบนี้หรอ" จากนั้นพลเอกประยุทธ์ก็เดินออกจากโพเดี้ยมทันทีในช่วงที่กล่าวว่า"ไปแล้วค่ะ"