หลุด 1370

หลุด 1370

สรุปสภาวะตลาดสหรัฐและยุโรป (19-25 พ.ย. 2558):

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น DJIA +0.4%, DAX +1.9%, FTSE +0.9% มีเพียงCAC ฝรั่งเศส -0.3% จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มพลังงานในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ดีดตัวขึ้น หลังกรณีเครื่องบินรัสเซียถูกยิงตกในน่านฟ้าซีเรีย โดยตุรกี 

สรุปสภาวะตลาดหุ้นจีน (19 – 25 พ.ย. 2558) : สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้น 2.2% นำโดยการปรับตัวขึ้นของกลุ่มหลักทรัพย์ หลังทางการจีนได้ยกเลิกหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้ โบรกเกอร์จะต้องถือสถานะ Long สุทธิ ณ สิ้นวันในแต่ละวัน สำหรับพอร์ต Proprietary trading นอกจากนี้การผ่อนคลายมาตรการอย่างต่อเนื่องยังเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่อเสถียรภาพของตลาดหุ้นที่กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและตุรกี ส่งผลให้ Zhongjin Gold Corp., Shandong Gold Mining ปรับตัวขึ้น

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (19 – 25 พ.ย. 2558) : SET INDEX ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แม้จะมีความพยายามขยับขึ้นไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,400 จุดก่อน อย่างไรก็ตามกลุ่ม ICT ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง จากความกังวลต่อฐานทุนของ TRUE กดดันบรรยากาศการลงทุน อีกทั้งเหตุการณ์ตึงเครียดกรณีข่าวเครื่องบินรัสเซียถูกยิงตกในน่านฟ้าซีเรีย โดยตุรกี กดดันให้ SET INDEX ปิดที่ระดับ 1,381.46 จุด เพิ่มขึ้น 4.64 จุด หรือ +0.34% ณ วันที่ 25 พ.ย.

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (27 พ.ย. – 3 ธ.ค. 2558) : MBKET คงน้ำหนักการลงทุน “กลาง” เป็นสัปดาห์ที่ 4 พร้อมประเมินกรอบแกว่งระหว่าง 1,375 – 1,410 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางต่อเนื่องเฉลี่ย 3.0-3.5 หมื่นล้านบาท/วัน เพราะเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทยในปลายสัปดาห์หน้าต่อเนื่องถึงสัปดาห์ถัดไป แม้ว่าจะมีประเด็นสำคัญที่มีผลต่อทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นไทยรออยู่ก็ตาม   ปัจจัยพื้นฐานของการลงทุนอยู่ไม่น้อย ได้แก่

• การประชุม ECB วันที่ 3 ธ.ค. ณ ปัจจุบัน ตลาดประเมินว่า ECB จะเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์จากปัจจุบัน 6.0 หมื่นล้านยูโร/เดือน และอาจเห็นการขยับที่ aggressive มากขึ้น ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับ ECB ให้ติดลบมากยิ่งขึ้น หลังอียูมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเงินฝืดมากขึ้น รวมถึงเหตุการณ์ก่อการร้ายในกรุงปารีส กลางเดือนพ.ย. กดดันการใช้จ่ายของคนในอียู

• ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนต.ค. โดย ธปท.จะรายงานวันที่ 30 พ.ย. เราให้น้ำหนักกับภาคการบริโภคภายในประเทศ จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากเดือนก.ย.ได้หรือไม่ หลังรัฐบาลอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ย. และทำให้ผลดังกล่าวสะท้อนมายังเดือนต.ค.เต็มเดือนเป็นเดือนแรก

• งาน Thailand Focus ระหว่างวันที่ 2-4 ธ.ค. คาดว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนเข้าร่วมให้ข้อมูลกับผู้จัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 100 บริษัท

• การปรับดัชนี MSCI Global Small Cap ณ ราคาปิดวันที่ 30 พ.ย.
        o เข้า:       GPSC / IMPACT / PLAT / TIPCO/ VNG
        o ออก:       DSG/ LOXLEY / MBK / MONO/ NOK/ PCS / PTL / SIM

กลยุทธ์การลงทุน  เราคงคำแนะนำ “ขึ้นแรงขาย / ลงแรงซื้อ” หรือ Trading” เช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อนหน้า แต่อาจต้องจำกัดวงเงินมากขึ้น เพราะด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางต่อเนื่อง จะทำให้สภาพคล่องของตลาดฯ ลดลง

ปัจจัยสำคัญอื่นๆ ในสัปดาห์หน้า ได้แก่

       1. ติดตามรายงาน beige book ของเฟดในวันที่ 2 ธ.ค. เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจใน 12 เขตเศรษฐกิจของประธานเฟดแต่ละท่าน ถือเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการประชุมเฟดในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้

       2. ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดในซีเรีย และข้อขัดแย้งระหว่าง รัสเซีย และ ตุรกี หากทรงตัวและหาแนวทางประนีประนอมกันได้ เชื่อว่าบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงดีขึ้น

       3. ติดตามผลการเยือนญี่ปุ่นของ รองนายกฯ ดร.สมคิด และคณะ ระหว่างวันที่ 25-28 พ.ย. โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – ญี่ปุ่น ซึ่งนายกฯ ต้องการให้ได้ข้อสรุป ภายในกลางปี 2559

       4. งาน Thailand Focus ระหว่างวันที่ 2-4 ธ.ค. คาดว่าจะเห็นการตอบรับเป็นกลางถึงบวกจากผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ

       5. ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ภาวะการจ้างงาน ของสหรัฐ / อัตราเงินเฟ้อ – ดัชนี PMI ภาคการผลิต – บริการ ของอียู / GDP ใน 3Q58 ของอังกฤษ / ดัชนี PMI ภาคการผลิต-บริการ ของจีน / อัตราเงินเฟ้อ – ผลผลิตภาคอุตฯ ของญี่ปุ่น

                                                                           --------------------------------------