ออกหมายจับก๊วนปล้นฆ่าพนง.เอสแอนด์พี

ออกหมายจับก๊วนปล้นฆ่าพนง.เอสแอนด์พี

ผบก.น.2 ออกหมายจับก๊วนปล้นฆ่าพนง.ร้านเอสแอนด์พีแล้ว เตรียมออกไล่ล่าตัว เชื่อเป็นกลุ่มวัยรุ่น

จากกรณีมีสมาชิกเฟซบุ๊ค โพสต์คลิปภาพวงจรปิด เหตุการณ์กลุ่มคนร้าย จำนวน 3 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ ผู้เสียหายเป็นชายขณะนั่งเล่นไอแพด อยู่บริเวณบันได หน้าอาคารชินวัตร 2 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพของคนร้าย ขณะแอบเดินอ้อมเข้าไปด้านหลัง ของชายคนดังกล่าว แล้วพยายามจะแย่งชิงเอาไอแพดไป แต่เหยื่อมีการยื้อยุดกัน จากนั้นคนร้ายอีก 2 คน ที่สวมใส่หมวกกันน็อค ได้เข้าไปรุมทำร้าย และยื้อยุดกันไปจนถึงสุดมุมของภาพ ก่อนหนึ่งในคนร้ายจะใช้อาวุธมีดแทงชายผู้โชคร้ายจนเสียชีวิต

ทราบชื่อผู้ตายภายหลัง นายสมชาย สอาดจิตร์ อายุ 28 ปี เป็นพนักงานร้าน เอสแอนด์พี สาขาตึกชินวัตร 2 เหตุเกิดเมื่อคืน วันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุด ที่สน.บางซื่อ - เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.2 พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว ผกก.สน.บางซื่อ ได้เรียกตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อ ตำรวจ กก.สส.บก.น.2 ตำรวจ กก.สส.2บก.สส. บช.น. ร่วมกันประชุมหารือเพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าว โดยใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง

พล.ต.ต.เจริญ เปิดเผยว่า การประชุมความคืบหน้าในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถระบุชื่อของคนร้ายได้ แต่กล้องวงปิดบริเวณที่เกิดเหตุสามารถจับภาพคนร้ายได้จำนวน 1คน รูปร่างใหญ่ อายุประมาณ 20-25 ปี เป็นคนขับขี่รถจยย.ไม่สวมหมวกกันน็อค ขณะกำลังหลบหนี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขออนุญาตศาลอาญาออกหมายจับ ตามภาพที่ปรากฏ จากการตรวจสอบพฤติการณ์ของคนร้าย คาดว่าไม่ได้มีการวางแผนแต่อย่างใด เป็นเพียงกลุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวกันตระเวนขับขี่รถจยย. เมื่อเจอเหยื่อที่อยู่คนเดียวในเวลากลางคืน จากนั้นจึงก่อเหตุปล้นทรัพย์ โดยส่วนใหญ่ทรัพย์สินจะเป็น โทรศัพท์มือถือ ไอแพด

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่า เมื่อเวลา 23.30 วันที่ 22 พฤศจิกายน นายสมชาย นั่งเล่นไอแพด อยู่บริเวณบันไดด้านหน้าของอาคารชินวัตร 2 จากนั้นคนร้ายได้จอดรถจยย.และคนร้าย 1 คนเดินอ้อมมาทางด้านหลังของนายสมชายเพื่อแย่งชิงไอแพด เมื่อนายสมชายรู้ตัว จึงได้มีการยื้อยุดฉุดกระชากกัน ขณะที่กำลังจะหลบหนีจากคนร้ายคนดังกล่าวนั้น ทำให้กลุ่มคนร้ายที่เหลือตรงเข้ามาทำร้ายร่างกายนายสมชาย และมีการใช้อาวุธมีดแทบริเวณหน้าอก กระทั่งนายสมชายล้มลง คนร้ายทั้งหมดได้หลบหนี โดยมุ่งหน้าไปทางสะพานควาย เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายมีทั้งหมด 7 คน รถจยย.จำนวน 3 คัน ซึ่งได้ทำการตรวจสอบเส้นทางคาดว่าน่าจะมาจากทางเตาปูนหรืออาจจะเป็นทางด้านเขตติดต่อ และอยู่ในระหว่างการตรวจสอบประวัติกับทางสน.ข้างเคียงว่าคนร้ายกลุ่มดังกล่าวมีการประวัติการก่อเหตุมาก่อนหรือไม่

พล.ต.ต.เจริญ กล่าวด้วยว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวอีก จึงได้บูรณาการกำลังตั้งเป็นชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วชุดละ 10 คัน เพื่อออกตรวจและสกัดกั้นกลุ่มที่ขับขี่รถจยย. และทำการตรวจค้น ตรวจดูพฤติการณ์ หากที่พบข้อสงสัยจะทำการเชิญตัวมาเพื่อตรวจสอบประวัติ ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะดำเนินการต่อไป พร้อมทั้งมีการตรวจสอบระบบสายตรวจให้เข้มงวดมากขึ้น อาทิ เหตุดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุล่าช้าจึงไม่สามารถสกัดตรวจได้ทันท่วงที ทั้งนี้จะมีการประชาสัมพันธ์กับทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ บก.น.2 ให้ทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการสร้างเครือข่ายปกป้องการก่อเหตุ อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการเพิ่มมาตรการความเข้มงวดของ พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก ซึ่งผู้ปกครองต้องรับผิดชอบร่วมกัน เนื่องจากผู้ปกครองมีการปล่อยปะละเลย ไม่ดูแล จึงทำให้กลุ่มวัยลุ่ยมีการออกมามั่วสุ่มในเวลากลางคืน มีการทะเลาะวิวาทบางรายถึงขั้นพกพาอาวุธปืน อาวุธมีด ในการก่อเหตุ ดังนั้นจึงต้องมีความเข้มงวดมากขึ้นเพื่อปกป้องการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว

พล.ต.ต.เจริญ กล่าวอีกว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุในลักษณะชิงทรัพย์ส่วนใหญ่เกิดเหตุในพื้นที่บางซื่อ และพหลโยธิน ส่วนวัยรุ่นที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทนั้น จะเกิดบริเวณใกล้เคียงกับสถาบันศึกษา ซึ่งอาจเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นในพื้นที่หรือนอกพื้นที่ในการเข้ามาก่อเหตุเนื่องจากอาจเป็นสถาบันคู่อริกัน หากตรวจพบเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบและทำประวัติไว้ ทั้งนี้หากประชาชนพบเบาะแสคนร้ายตามภาพที่ปรากฏสามารถโทรแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอด 24 ชั่วโมง หรือโทรสายตรงเบอร์ 092-252-2555 โดยมีรางวัลนำจับจำนวน 30,000 บาท

ต่อมา พล.ต.ต.เจริญ กล่าวเสริมภายหลังอีกว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้เดินทางไปขออนุมัติหมายจับชายไม่ทราบชื่อ ที่ปรากฎตามภาพจากกล้องวงจรปิด หมายจับศาลอาญา ที่2417/2558 และ ที่2418/2558 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ในข้อหา “ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” อย่างไรก็ตาม ต้องขอเวลาให้ทางตำรวจทำงานก่อนเพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากนั้นทาง พล.ต.ต.เจริญ พร้อมด้วยกำลังตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางซื่อได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกครั้งเพื่อจำลองเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ รวมทั้งประสานตัวแทนของอาคารดังกล่าวเพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมอีกครั้ง ทั้งนี้ช่วงเย็นของวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางไปรวมงาน ฌาปนกิจศพ นายสมชาย ที่วัดสุคันธาราม