สองตัวเต็งปธน.สหรัฐโจมตี 'ไฟเซอร์' หนีภาษี

สองตัวเต็งปธน.สหรัฐโจมตี 'ไฟเซอร์' หนีภาษี

"ฮิลลารี คลินตัน" และ "โดนัลด์ ทรัมป์" สองสองตัวเต็งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยหน้าโจมตีดีลควบกิจการของ “ไฟเซอร์” ว่าเป็นการหนีภาษี

สองตัวเต็งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 จากพรรคเดโมแคตและพรรครีพับลิกัน ได้แก่ นางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งและนายโดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีฝีปากกล้า ออกมาโจมตีข้อตกลงควบรวมกิจการระหว่างสองยักษ์ใหญ่ด้านเวชภัณฑ์ว่าเป็นการเลี่ยงภาษี พร้อมส่งสัญญาณแก้กฎหมายภาษีหากชนะเลือกตั้ง

ก่อนหน้านี้ ไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ และอัลเลอร์แกน พีแอลซี บริษัทผู้ผลิตโบท็อกซ์จากไอร์แลนด์ซึ่งเป็นคู่แข่งรายเล็กกว่า บรรลุข้อตกลงควบรวมกิจการมูลค่า 160,000 ล้านดอลลาร์ในการก่อตั้งบริษัทเวชภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในปีนี้ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าไฟเซอร์ต้องการเปลี่ยนสัญชาติบริษัทเพื่อไปเสียภาษีอัตราต่ำกว่าในไอร์แลนด์

นางคลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่า แทนที่บริษัทไฟเซอร์จะอยู่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่กลับใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยง "ส่วนแบ่งทางภาษีที่ควรจะเป็น" จากข้อตกลงควบรวมกิจการครั้งนี้ ทำให้ตกเป็นภาระของผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน นอกจากนี้ เธอยังบอกว่า จะเสนอมาตรการป้องกันการเลี่ยงภาษีเพิ่มเติม แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด

ขณะที่นายทรัมป์ ตัวเต็งจากพรรครีพับลิกันซึ่งเคยเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกฎหมายภาษีเอกชนแสดงความเห็นว่า รัฐบาลวอชิงตันมาถึงทางตันแล้ว เขาจะแก้ปัญหานี้โดยเร็ว และจะไม่ปล่อยให้ไฟเซอร์ไปจากสหรัฐ เขาจะไปพูดคุยกับไฟเซอร์ และบริษัทนี้จะต้องอยู่ในประเทศต่อไป

คณะวิจัยของสภาคองเกรสระบุว่า ในช่วงกว่า 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทชื่อดังหลายรายทำข้อตกลงลักษณะคล้ายคลึงกับกรณีไฟเซอร์กว่า 50 ข้อตกลง และคาดว่าการเลี่ยงภาษีโดยปราศจากการตรวจสอบ จะทำให้กระทรวงคลังสหรัฐสูญเสียรายได้เกือบ 20,000 ล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า

ด้านทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อการทำข้อตกลงควบรวมกิจการดังกล่าว แต่เรียกร้องให้สภาคองเกรสออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการทำธุรกรรมลักษณะนี้