เรื่องหลังข่าว เลือกตั้งพม่า

เรื่องหลังข่าว เลือกตั้งพม่า

ควันหลงการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์แห่งชาติพม่า เบื้องลึก เบื้องหลัง ครบรสโหดมันฮา กว่าจะได้ ‘ข่าว’

แม้จะผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว แต่ข่าวคราวการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของเพื่อนบ้านพม่ายังคงอยู่ในกระแสที่สำนักข่าวจากทั่วโลกยังคงต้องเกาะติดชนิดไม่มีใครยอมตกข่าว

แต่ถ้าจะถามถึงจุดฟาดฟันบนสนามข่าวที่จัดว่า “พีค” ที่สุด ย่อมต้องยกให้เหตุการณ์วันลงคะแนนเสียงเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2558 ซึ่ง นางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) พรรคฝ่ายค้าน และขวัญใจของชาวพม่า ได้เดินทางไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งในนครย่างกุ้ง ทำเอาเกิดเป็นจลาจลย่อยๆ เพียงแต่ “ไม่เป็นข่าว” เพราะกลางดงความวุ่นวายก็คือบรรดา “เหยี่ยวข่าว” จากทั่วโลกนั่นเอง

 

โกลาหล อลหม่าน

วีณารัตน์ เลาหภคกุล และ จักรกฤษณ์ กุหลาบคีรี หนึ่งในทีมข่าวจากเนชั่นแชนแนล เล่าให้ฟังถึงบรรยากาศการทำข่าวที่ถือว่า “พีค” มาก ก็คือ วันลงคะแนนเสียง โดยเฉพาะในเขตที่ออง ซาน ซูจี เดินทางมาลงคะแนน ซึ่งจะเปิดให้เข้ามาลงคะแนนได้ตั้งแต่ 6 โมงเช้า แม้มีข่าวแจ้งว่า นางจะมาประมาณ 7 โมงครึ่ง แต่เพื่อไม่ให้พลาดเหตุการณ์ครั้งสำคัญไป นักข่าวจากหลายสำนักจึงตัดสินใจมารอกันตั้งแต่ก่อนประตูรั้วจะเปิด

พอ 6 โมงเช้า เมื่อประตูเปิดออก ทุกคนโดยเฉพาะช่างภาพต่างวิ่งกรูกันเข้าไปเพื่อจับจอง ทำเล ที่คิดว่า “ดีที่สุด” นั่นคือ จุดที่มองผ่านช่องประตูเข้าไปเห็นภายในคูหาซึ่งเป็นเพียงช่องเล็กๆ แต่มีกล้องเป็นร้อย ขณะเดียวกันชาวพม่าที่มาลงคะแนนเสียงก็ไม่ยอมกลับ เพราะต่างก็รอจะได้เจอนางเช่นกัน

หลังผ่านความวุ่นวายในการจับจองพื้นที่ การรอคอยกว่า 2 ชั่วโมงก็เริ่มทำให้หลายๆ คนขยับขยายไปมองหาช่องทางอื่น บ้างก็ไปรอตรงจุดที่คาดว่า รถจะเข้ามาจอด บ้างก็มองหาเครื่องไม้เครื่องมือ ต่อขา เพิ่มความสูง

ขณะที่ช่างภาพฝรั่งค่อนข้างเจนสนาม มีการเตรียมบันไดมาเอง นักข่าวส่วนที่เหลือก็เริ่มมองหาตัวช่วย โต๊ะบ้าง.. เก้าอี้บ้าง.. บางคนถึงกับปีนกำแพงระเบียงเพื่อให้ได้ภาพมุมสูงจนตกลงมาก็มี

“มีนักข่าวฝรั่งช่องนึง เขาเอาบันไดก่อสร้างมาตั้งเลยครับ” ศุภกิตติ์ แสวงการ ผู้สื่อข่าวช่อง NOW 26 ช่วยเสริม และยังบอกอีกว่า แค่นี้ยังจิ๊บๆ เพราะในวันรุ่งขึ้น (9 พฤศจิกายน) กับการย้ายทำเลไปปักหลักหน้าที่ทำการพรรคหลังมีข่าวว่านางจะออกมาปรากฏตัว และกล่าวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง ปรากฏว่า มีช่างภาพต่างชาติรายหนึ่งถึงกับเช่าเครนสำหรับถ่ายหนังมาตั้งเพื่อให้ได้ภาพที่ชัด และ “หน้าตรง” ที่สุดของนางออง ซาน ซูจี ขณะขึ้นไปแถลงข่าวบนระเบียงชั้น 2 กันเลยทีเดียว

..ย้อนกลับมาที่วันลงคะแนนเสียง เมื่อรถของนางเคลื่อนเข้ามาในเขตรั้วคูหาเลือกตั้ง นักข่าวและช่างภาพส่วนหนึ่งที่ออกันอยู่ตรงจุดที่ “คาดว่า” รถจะจอดก็ต้องถึงกับแตกตื่น เพราะรถคันดังกล่าวไม่มีทีท่าว่าจะจอด แต่กลับเดินหน้าเข้าหาทัพนักข่าวจนต้องถอยร่นไม่เป็นขบวน

“ผมยืนอยู่บนเก้าอี้ ตอนแรกคิดว่า คงไม่ถึง ปรากฏว่า คนถอยหลังมาจนจะถึงอยู่แล้ว เลยต้องกระโดดลง ไม่งั้นล้มแน่ๆ” ปณัฐพงศ์ ดำนิล ช่างภาพช่อง NOW 26 ช่วยเล่าถึงนาทีโกลาหลเมื่อสตรีที่โลกต่างจับตาเดินทางมาถึง โดยเขาบอกว่า มีนักข่าวสาวคนหนึ่งที่โดนเบียดจนจะออกก็ไม่ได้ จะยืนอยู่ก็แทบล้ม ถือเป็นความวุ่นวายที่ ต่างคนก็ต้องเอาตัวเองให้รอดจาก “ปลากระป๋องมนุษย์”

เมื่อเหล่านักข่าวและตากล้องยังคงเกาะติดไม่ปล่อย ทีมบอดีการ์ดก็สุดเข้มไม่มีทีท่าจะอ่อนข้อให้ ส่วนรถก็ไม่มีปราณี ในวันนั้นจึงมีขาตั้งกล้องชะตาขาดหลายตัวที่เจ้าของหยิบออกไม่ทันต้องพลีชีพโดนรถบดขยี้ไปโดยปริยาย

“ช่างภาพก็เริ่มมีอารมณ์ เพราะบางคนได้ทำเลดีๆ แต่พอนาง (ออง ซาน) มาถึง ทุกอย่างก็วุ่นวายมาก มีคนมาเบียด มาบัง จนแจกคำหยาบ F*** กันทั่วไปหมด เกือบจะต่อยกันก็หลายคู่ เพราะเขาต้องรอกันนานมาก ข่าวบอกว่า นางจะมาตอน 7 โมงครึ่ง แต่มาจริงๆ ก็เกือบ 9 โมงเช้า” วีณารัตน์ เสริม

..หลังเก็บภาพการเดินทางมาถึงได้แล้ว ปณัฐพงศ์ ก็ย้ายทำเลกลับมายังหน้าจุดลงคะแนนเสียง แต่เนื่องจากทำเลดีๆ โดนยึดไปหมดแล้ว เขาจึงเลือกยืนตรงจุดที่พอจะว่าง ขณะที่ส่วนใหญ่ไปดักตรงทางออกที่คาดว่า นางจะเดินผ่านไปทางนั้น

แต่หลังลงคะแนนเสร็จ แทนที่นางจะเดินตามป้าย EXIT ออกไปเหมือนกับคนอื่นๆ ที่มาเลือกก่อนหน้า นางกลับเดินย้อนกลับมาอีกทาง ซึ่งเป็นผลให้หลายสำนักได้ภาพ ‘เบื้องหลัง’ และกลับกลายเป็นว่า ช่างภาพของ NOW ได้ช็อตนี้ไปโดยไม่ต้องพยายามมาก เพราะเป้าหมายอยู่ห่างไปแค่ระยะอีกนิดก็เอื้อมมือถึง

ส่วนวีณารัตน์ ซึ่งยืนรออยู่ตรงทางออกเช่นกับคนอื่นๆ เมื่อเห็นนางออง ซาน เดินไปอีกทาง ขาก็ขยับจะเริ่มตามไปเหมือนคนอื่น..

“ตอนที่นางออง ซาน เดินไปอีกทาง ปรากฏว่า ช่างภาพก็กรูจะเดินตามไป เราเองก็กำลังหมุนตัวจะตามเขาไปเหมือนกัน ปรากฏว่า น้องจากสำนักข่าวต่างประเทศที่ถือไมค์บูม เขาก็กลับตัวเหมือนกัน ก็เลยกระแทกเข้าที่คิ้วเรา ตอนนั้นก็งง เอามือคลำปรากฏว่า อ้าว เลือดออก ขณะที่เพื่อน (ทีมข่าวเนชั่นแชนแนล) เขาเดินกันไปหมดแล้ว นี่ยังยืนงงอยู่ว่า เลือดไหล ไม่หยุดด้วย ก็กำลังประเมินสถานการณ์ว่า จะต้องเย็บมั้ย แตกหรือเปล่า เอายังไงดี วันนี้วันสำคัญ ถ้ามันไม่หยุดไหล ก็ต้องรีบเย็บรีบกลับมาให้เร็วที่สุด เพราะเรายังต้องส่งข่าว ต้องเปิดหน้าอีก ระหว่างนั้น ชาวบ้านเขาเห็น เขาก็ค้นหาทิชชู่ส่งให้ซับเลือด เจ้าหน้าที่ก็วุ่นวายหาเก้าอี้มาให้นั่ง พาไปล้างเลือด หาพลาสเตอร์ยามาให้ คือ ซึ้งใจมากกับน้ำใจของคนที่นั่น” วีณารัตน์ เล่าถึงนาทีที่ต้องเสียเลือด แต่ก็ได้รับน้ำใจจากพี่น้องชาวพม่าซึ่งไม่ว่าจะไปถ่ายทำที่ไหน ก็ได้รับความช่วยเหลืออย่างดี

“ตรงหน้าที่ทำการพรรค มันจะเป็นเนินดิน เขาปีนขึ้นไปยืนปักหลักกันอยู่ เราก็ส่งสัญญาณว่า ขอยืนด้วยได้มั้ย เขาก็ช่วยฉุดขึ้นมา แล้วพอจะต้องเปิดหน้า ก็มีคนช่วยจับแขนไว้ เพราะกลัวตกลงไป” เธอเล่า

ไม่ต่างกันกับประสบการณ์ที่ ปณัฐพงศ์ ช่างภาพช่อง NOW 26 ได้รับ โดยเขาเล่าว่า ในวันหลังเลือกตั้ง 1 วัน (9 พฤศจิกายน) เมื่อมีข่าวว่า นางออง ซาน จะมาปรากฏตัวที่พรรคอีกครั้ง หลังจากแถลงไปแล้วรอบแรกตอนเช้าวันเดียวกัน เขากับ ศุภกิตติ์ ก็ไปปักหลักรอ แต่จนเย็นแล้วก็ยังไม่มีวี่แวว กระทั่งฝนเกิดเทกระหน่ำลงมา ใครมีถุงหยิบถุง.. ใครมีร่มหยิบร่ม.. ส่วนเขากับนักข่าวไม่มี ก็กำลังปรึกษากันว่า จะเอาอย่างไร ก็กลับได้ความใจดีจากคุณป้าชาวพม่าที่ยืนอยู่ข้างๆ แบ่งพื้นที่ใต้ร่มให้

“ยืนกันอยู่อย่างนั้นจนตอนหลังญาติของป้าเขามา ป้าเขาก็ไปกับญาติ เขาเลยยกร่มให้ผม” ปณัฐพงศ์ บอกถึงเรื่องที่ประทับใจ

ส่วนเรื่องการส่งข่าวกลับมาก็เป็นปัญหาที่ต้องฟาดฟันไม่แพ้กัน ขณะที่ช่อง NOW เลือกที่จะส่งผ่านแอร์การ์ดด้วยสัญญาณ 3 G ก็พบปัญหาสัญญาณขาดๆ หายๆ บ้าง

“บางที ผมต้องเดินไปเป็นกิโลฯ เพื่อหาสัญญาณเลยครับ” ศุภกิตติ์ บอก

แต่ทีมของเนชั่นแชนแนลเลือกที่จะกลับโรงแรมเพื่อส่งโดยใช้สัญญาณไว-ไฟของโรงแรม ซึ่งแม้จะไม่ได้เสถียรกว่าหรือเร็วกว่า แต่วีณารัตน์บอกว่า “อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินหาสัญญาณ”

ก็เลยกลายเป็นที่มาของภาพทีมงานผลัดกันมายืนถือแล็ปท็อปให้ใกล้กับไว-ไฟ เราเตอร์ให้มากที่สุด เพื่อจะได้สัญญาณที่แรงที่สุด

“ส่งงานความยาว 2 นาที ต้องใช้เวลา 40 - 45 นาทีเลยค่ะ พอเห็นมันขึ้นมาเมกนึงได้ก็ดีใจแล้ว เรื่องโทรศัพท์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง บางทีจะโทรเข้ามาโฟนอิน คุยๆ ไปเหมือนอยู่เมืองบาดาลเลยก็มี” เธอเล่าตบท้ายพร้อมเสียงหัวเราะ

และบอกว่า ประสบการณ์อย่างนี้ยากจะหาที่ไหนได้อีกแล้ว แต่ถ้าให้ไปอีก คงต้องขอบาย เพราะแค่คำว่า เหนื่อยคงบรรยายได้ไม่พอ!