'วีรชน'ชี้ต่างประเทศ เชื่อมั่นเสถียรภาพรัฐบาลไทย

พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงท่าทีต่างชาติต่อประเทศไทยขณะนี้ว่า หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เข้ามาบริหารประเทศ และเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือกับหลายประเทศ ทำให้วันนี้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ซึ่งไม่มีประเทศใดนำเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลมาเป็นอุปสรรค์ในความร่วมมือ เพราะทุกประเทศต่างมองไปข้างหน้า และเชื่อในสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ เข้าใจว่ารัฐบาลทำเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์ใด โดยเรายืนยันเดินทางกรอบของโรดแมป เพื่อนำประเทศสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งความเชื่อมั่นของชาติไทยนั้นมาจากการที่ประชาชนคนไทยให้เวลารัฐบาล ในเมื่อคนไทยส่วนใหญ่ยังให้เวลารัฐบาลในการทำงาน ต่างประเทศจึงรอและมั่นใจในเสถียรภาพปัจจุบัน

"เช่นเดียวกับความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา ซึ่งยังคงเป็นประเทศมหามิตร สหรัฐฯต้องการเห็นประเทศไทยมีความมั่นคง มีเสถียรภาพ โดยไม่มีการพูดถึงประเด็นด้านการเมืองภายใน แต่พูดถึงการสร้างความเชื่อมั่น สร้างความสัมพันธ์ในทุกมิติ ส่วนกรณีที่นายกลิน ที.เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยจะเดินสายพบปะหลายฝ่ายในประเทศนั้น พล.อ.ประยุทธ์ บอกกับนายทูตสหรัฐฯว่า ไม่จำเป็นต้องเชื่อตามที่พูดคุยกัน แต่อยากให้ฟังความรอบด้าน อย่าฟังความข้างเดียว อย่ารับข้อมูลไม่ครบแล้วมาตัดสินใจ ดังนั้นจึงให้ไปหาข้อมูลมาประกอบแล้วค่อยตัดสินใจ โดยทูตสหรัฐฯบอกว่า มีความมั่นใจ และเชื่อมั่นว่านายกฯที่จะนำพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มั่นคง ซึ่งทุกคนต้องได้รับประโยชน์เท่าเทียมกัน และซึ่งความสัมพันธ์นี้จะเพิ่มพูนต่อไป"พล.ต.วีรชน กล่าว

พล.ต.วีรชน กล่าวว่า ปัญหาในประเทศไทยนั้น อยากให้ทุกคนลองถอยออกมาคนละก้าวจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ จากนั้นมาทำหน้าที่เป็นผู้ดู เพื่อที่จะให้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างชัดเจนมากขึ้น เพราะบางครั้งเมื่อเราอยู่ในเหตุการณ์ เป็นตัวเล่น เป็นตัวละคร ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงก็อาจมองไม่ชัดเจน ดังนั้นควรถอยมาเป็นผู้ดู ใช้ใจที่เป็นธรรมมองดูสถานการณ์รอบด้าน เพื่อจะได้เห็นว่าความจริงนั้นเป็นอย่างไร อะไรคือสาเหตุสำคัญของปัญหา เช่น เรื่องที่บางฝ่ายบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ต้องอย่าลืมว่าประเทศไทยมีกระบวนการยุติธรรมมาต่อเนื่องและยาวนาน ถ้าหากกระบวนการยุติธรรมนูญของไทยไม่ดีจริง คนที่ได้รับผลกระทบคงจะออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยเป็นแสนราย ฉะนั้นต้องเปลี่ยนกระบวนการคิด โดยไม่เข้าข้างตัวเองมากเกินไป