ปชป.แนะรัฐอธิบายขั้นตอนเอาผิดยิ่งลักษณ์จำนำข้าว

ปชป.แนะรัฐอธิบายขั้นตอนเอาผิดยิ่งลักษณ์จำนำข้าว

"ราเมศ"แนะรัฐตั้งหลัก-อธิบายขั้นตอนเอาผิดยิ่งลักษณ์จำนำข้าว หวั่นกลายเป็นจำเลยเอง

นายราเมศ  รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกำลังดำเนินการเรียกค่าเสียหายในกรณีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีการตอบโต้จากทีมทนายความนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และกลุ่มบุคคลจากพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างมาก  ว่ารัฐบาลต้องตั้งหลักให้ชัดและต้องอธิบายให้สังคมเข้าใจในเรื่องหลักของกระบวนการดำเนินคดีนี้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ เพราะเมื่อทุกคนเข้าใจหลักการที่ถูกต้องแล้วย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะต้องไปชี้แจงคนที่จะต้องเป็นจำเลย เพราะหากรัฐบาลไม่อธิบายให้ชัดจากที่เป็นโจทก์ก็จะเป็นจำเลยเสียเอง  พระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙ ต้องอธิบายประชาชนว่า เจตนารมณ์ของกฎหมายก็เพื่อมาควบคุมในการปฏิบัติหน้าที่ของคนที่เป็นเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่กระทำการละเมิดคือทำอะไรที่ไม่ถูกต้องกับประชาชนก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้กับประชาชน

และเจ้าหน้าที่กระทำละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐก็ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับหน่วยงานของรัฐ คดีนี้ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ถือได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อมีการจงใจหรือประมาทเลินเล่อในการจัดการโครงการรับจำนำข้าวจนเกิดการทุจริต งบประมาณแผ่นดินเสียหายไปหลายแสนล้านบาท กระทรวงการคลังถือได้ว่าเป็นหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเรื่องเงินของแผ่นดิน ก็เป็นหน่วยงานของรัฐที่ถูกละเมิดย่อมเรียกค่าเสียหายจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ได้ ซึ่งกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ กฎหมาย ในมาตรา ๑๐ ระบุสาระสำคัญไว้ชัดว่า ในกรณีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ผู้นั้นสังกัดอยู่หรือไม่ ถ้าเป็นการกระทำในการปฏิบัติหน้าที่มีการละเมิดก็ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐและกรณีกฎหมายฉบับเดียวกันนี้ก็มีการดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐมาแล้วหลายราย ไม่ใช่เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างที่ถูกกล่าวหา  การที่อ้างว่าไม่ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการระยะเวลาตั้งนานหากมีการนัดแนะเพื่อที่จะเข้าชี้แจงคงไม่เป็นการยาก ล้วนแล้วแต่เป็นข้ออ้างเป็นเทคนิคในการต่อสู้คดีในชั้นศาล

การที่กลุ่มคนพรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้รัฐบาลนั้นเป็นเรื่องปกติที่เขาพยายามที่จะกระทำการให้กระบวนการในการดำเนินการของรัฐบาลมีความไม่ชอบธรรม เลือกปฏิบัติ ไม่ฟังความรอบด้าน เร่งรีบ รวบรัด ซึ่งในฐานะที่เคยต่อสู้คดีกับพรรคเพื่อไทยมาหลายคดี นี่คือหลักที่เขาจะตั้งไว้ต่อสู้ในเกือบทุกคดี พรรคเพื่อไทยจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเนื้อหาสาระข้อเท็จจริงเท่าที่ควร คดีนี้ก็เช่นกันที่ข้อเท็จจริงพรรคเพื่อไทยรู้ว่าสู้ในข้อเท็จจริงยากมาก ดังนั้นการทำลายน้ำหนักในเรื่องกระบวนการจึงเป็นเรื่องปกติ เรื่องโครงการรับจำนำข้าวข้อเท็จจริงยุติว่ามีการทุจริตจริง นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่โดยตรงขณะนั้นไม่เคยระงับยับยั้งทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามีการทุจริต ย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่ค่อนข้างยากในการต่อสู้คดีเช่นกัน