โจนส์แลงลาซาลล์หนุนแผนกระตุ้นอสังหาฯ

โจนส์แลงลาซาลล์หนุนแผนกระตุ้นอสังหาฯ

โจนส์แลงลาซาลล์ หนุนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เชื่อจะเร่งให้ประชาชนตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยทันที

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (เจแอลแอล) กล่าวว่า จากการที่มีนักสังเกตการณ์และนักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังมีทิศทางที่ไม่สดใสในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า รัฐบาลจึงมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการกระตุ้นภาคธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งมีการเสนอให้มีการออกประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอนจากร้อยละ 2 ของราคาประเมิน และค่าธรรมเนียมการจดจำนองจากร้อยละ 1 ของมูลค่าสินเชื่อเหลือร้อยละ 0.01 สำหรับค่าธรรมเนียมทั้ง 2 รายการเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งแม้มาตรการดังกล่าวจะเป็นเพียงมาตรการระยะสั้น แต่นับเป็นข่าวดีสำหรับตลาดบ้านและคอนโดมิเนียม

นางสุพินท์ กล่าวว่า แม้มาตรการระยะสั้นที่ได้รับการเสนอดังกล่าวอาจไม่ช่วยกระตุ้นให้เกิดดีมานด์หรือความต้องการใหม่เพิ่มขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัย แต่เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นให้มีการเร่งการซื้อและโอนบ้าน-คอนโดให้เร็วขึ้น แต่โครงการบ้านและคอนโดที่ก่อสร้างยังไม่เสร็จพร้อมให้โอนในช่วง 6 เดือนข้างหน้าจะไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนองมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณร้อยละ 40 ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดในการทำธุรกรรม ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ไม่มากเมื่อเทียบกับมูลค่าของบ้านหรือคอนโดที่ซื้อ ดังนั้น การลดค่าธรรมเนียมทั้ง 2 รายการอาจไม่ได้มีผลมากถึงกับสามารถจูงใจให้ผู้ที่ยังไม่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยขณะนี้เปลี่ยนมาตัดสินใจซื้อได้

“ข้อเสนอมาตรการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์สำหรับโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วและมียูนิตเหลือขาย รวมถึงโครงการที่จะสร้างเสร็จพร้อมโอนได้ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่าผู้ที่กำลังพิจารณาอย่างจริงจังที่จะซื้อบ้านหรือคอนโดในโครงการเหล่านี้อยู่แล้วจะเร่งตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมการซื้อ” นางสุพินท์ กล่าว

สำหรับมาตรการที่เสนอนับเป็นแนวทางหนึ่งที่ดี เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจที่อยู่อาศัยในช่วงที่การซื้อขายชะลอตัว การกระตุ้นให้มีการซื้อและการโอนเร็วขึ้นจะช่วยเสริมความเข้มแข็งทางการเงินให้กับผู้พัฒนาโครงการให้สามารถลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ต่อไปได้ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการลงทุนโดยภาคเอกชนที่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจมหภาคของประเทศต่อไป อย่างไรก็ตาม ภาครัฐ ควรมีการเร่งพิจารณาโดยเร็ว เนื่องจากเมื่อมีข่าวการเสนอมาตรการกระตุ้นเผยแพร่ต่อสาธารณะแล้ว ทำให้ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจซื้อไว้ก่อน เพื่อรอการประกาศมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ