ฟื้นตัวทดสอบ 1,400 จุด

ฟื้นตัวทดสอบ 1,400 จุด

สรุปสภาวะตลาดสหรัฐ และยุโรป (1 – 7 ต.ค. 2558)

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปรับตัวขึ้น DJIA +3.9%, DAX +3.2%, CAC ฝรั่งเศส +4.8% และ FTSE +4.5% ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย.ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้นเพียง 1.42 ตำแหน่ง เทียบกับคาดการณ์ของตลาดที่ 2.0 แสนตำแหน่ง ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าตัวเลขจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดจะส่งผลให้เฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเป็นปีหน้า นอกจากนี้แรงหนุนของหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นอีกปัจจัยบวกช่วยสนับสนุนตลาด

สรุปสภาวะตลาดหุ้นจีน (1 – 7 ต.ค. 2558)

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนปิดทำการ วันที่ 1-7 ต.ค.เนื่องในวันชาติจีน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (1 – 7 ต.ค. 2558)

SET INDEX ปรับตัวขึ้นนำโดยหุ้นหลักในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี ขึ้นโดดเด่น หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX กลับมาทดสอบระดับ US$49/barrel ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าแตะระดับ 35.95 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หุ้นหลักอย่าง SCC/ ADVANC/ INTUCH ฟื้นตัว ปิดที่ระดับ 1,393.66 จุด เพิ่มขึ้น 44.66 จุด หรือ +3.31% ณ วันที่ 7 ต.ค.

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (9 – 15 ต.ค. 2558)

MBKET ปรับน้ำหนักการลงทุนขึ้นเป็น “กลางถึงบวก” ครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ พร้อมคาดการณ์ SET INDEX จะสามารถไต่ระดับขึ้นทดสอบด่าน 1,410 จุดได้ในสัปดาห์หน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นต่อเนื่อง หลังโพลต่างๆ คาดการณ์เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปจนถึงสิ้นปีนี้ โอกาสขยับขึ้นน่าจะเป็นในช่วงเดือนมี.ค. 2559 หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ออกมาต่ำกว่าคาดต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง และ ตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย

ปัจจัยที่เราให้น้ำหนักในสัปดาห์หน้า ได้แก่

• การประชุม ครม. วันอังคารที่ 13 ต.ค. คาดว่าจะมีการนำเสนอแผนการลงทุนขนาดใหญ่ บางส่วน และมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพื่อพิจารณาและอนุมัติ

• ติดตามการลงทุนของต่างชาติ หลัง ต่างชาติ Long สุทธิใน SET50 Index Futures อย่างหนาแน่น วันที่ 1-7 ต.ค. มีสถานะ Long สุทธิสูงถึง 46,324 สัญญา

• ติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หากเป็นไปในทิศทางทรงตัวหรือแข็งค่าขึ้น ย่อมเป็นสัญญาณบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติเช่นกัน

• และสุดท้าย ติดตามการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และการกำหนดวันหารือระหว่าง ซาอุดีอาระเบีย และ รัสเซีย ต่อการหาแนวทางพยุงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไม่ให้ตกต่ำ

กลยุทธ์การลงทุน  เราแนะนำ “ขึ้นแรงขาย และ ย่อตัวลงซื้อ” เน้นหุ้นที่เกาะไปกับกระแสของนโยบายการเรียกความเชื่อมั่นทางการเศรษฐกิจของทีมเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงวนเวียนในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง/ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มอสังหาฯ ต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี ซื้อขาย บนทิศทางราคาน้ำมันดิบในรอบสั้นนี้

ปัจจัยสำคัญอื่นๆ ในสัปดาห์หน้า ได้แก่

1. ติดตามการทยอยประกาศงบ 3Q58 ของกลุ่มธนาคาร นำโดยธนาคารขนาดเล็กในช่วงปลายสัปดาห์หน้า

2. ติดตามการประชุม ครม. ทุกวันอังคาร และ ครม.ด้านเศรษฐกิจ ทุกวันพุธ

3. ติดตามรายงาน Beige book ของเฟด วันที่ 14 ต.ค. เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนที่จะมีเฟดจะประชุมในปลายเดือนต.ค.นี้

4. ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ สหรัฐ / ผลผลิตภาคอุตฯ ของอียู / อัตราเงินเฟ้อ – ภาวะการจ้างงาน อังกฤษ / ผลผลิตภาคอุตฯ ญี่ปุ่น / การส่งออก – นำเข้า ของจีน